กรุงเทพฯ--25 พ.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1515 เหรียญ ค่าเงินบาท 30.38 บาท/ดอลลาร์ กับ 30.41 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 21700 บาท กับ 21800 บาท GFM11 เปิดที่ 22030 บาท และ GFQ11 เปิดที่ 22100 บาท และ GF10M11 เปิดที่ 22010 บาท และ GF10Q11 เปิดที่ 22100 บาท SPDR ถือครอง 1214.08ตัน(ซื้อเข้า 4.55 ตัน) น้ำมันปิดบวก 1.89 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 99.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 25.05 จุด ปิดตลาดที่ระดับ 12356.21 จุด
ราคาทองคำในตลาดเอเชียราคาค่อยๆขยับขึ้นไป ทำให้ราคาทองคำแท่งขยับขึ้นในช่วงบ่าย 50 บาท มาอยู่ที่ 21750-21850 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Future 50 บาท อยู่ที่ 6682 คู่สัญญา และ 10 บาท อยู่ที่ 6940 คู่สัญญา OI แบบ 50 บาท ลดลง 0.15 % และ 10 บาท ลดลง 5 % โดยที่ราคาทองคำในตลาด London และ Comex ค่อยๆขยับสูงขึ้นทะลุ 1520 เหรียญ ไปทำสูงสุดที่ 1529 เหรียญ และกลับมาปิดตัว 1523 เหรียญ โดยภาพรวมทั่วไปเป็นลักษณะซื้อขายบริเวณ 1526 เหรียญ silver เองหลังจากทรงตัวได้ บริเวณ 35 เหรียญ และปรับตัวสูงขึ้นอยู่บริเวณ 35.20 เหรียญ ทำให้ silver ดีดตัวสูงขึ้นมาได้ และปิดที่ 36.128 เหรียญ ยอดขายบ้านใหม่ ออกมา 323000 หลัง จากเดิมที่ระดับ 301000 หลัง และ Ratio Gold / Silver เท่ากับ 42 ต่อ 1
วิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำเข้าสู่ภาวะขาขึ้นโดยยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทั่วไป Oscillator โดยทั่วไปส่งสัญญาณเป็นบวก แนวต้าน 1535 เหรียญ แนวรับ 1515 เหรียญ ภาพรวมเป็นทิศทางขาขึ้น
ราคาทองคำแท่งของไทย ปิดตลาดที่ระดับ 21750 บาท และ 21850 บาท Spot ปิดตลาดที่ระดับ 1520 เหรียญ
ราคาทองคำแท่งของไทย จะมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 21700 บาท และมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ระดับ 21900 บาท โดยที่ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนตัวบ้างเล็กน้อยประมาณ 2 สตางค์ อยู่ที่ระดับ 30.44 บาท/ดอลลาร์
Gold Futures M11 จะมีแนวรับที่ระดับ 22080 บาท และแนวต้านที่ระดับ 22220 บาท
คำแนะนำ
สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade) :
เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัวขาขึ้น ราคาทองคำน่าจะเคลื่อนตัวในช่วง 1520-1530 เหรียญ นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade) : ซื้อสะสมต่อเนื่องและขายเมื่อราคาขึ้นไปชนแนวต้าน ใช้กลยุทธ์ Buy on deep และ Sell on Rally พอร์ต 40 %
นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ซื้อสะสมเช่นเดียวกัน ปรับพอร์ตเป็น 50 %
สรุปได้ว่าไม่ควรถือ short position ควรเป็น long position