คลังจัดประชุมคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาตินัดแรก

ข่าวทั่วไป Wednesday May 25, 2011 13:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 พ.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เล็งเห็นความสำคัญในการออมเพื่อการดำรงชีพในยามชราภาพของประชาชนอย่างทั่วถึง และมีนโยบายในการจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ซึ่งขณะนี้พระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 ได้มีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2554 ในวันนี้ (24 พฤษภาคม 2554) กระทรวงการคลังได้จัดประชุมคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติครั้งที่ 1 โดยมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน มีกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคม ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และมีผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นเลขานุการ ซึ่งทำหน้าที่เลขาธิการ กอช. ในวาระแรก ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณาในประเด็นการสรรหาเลขาธิการคณะกรรมการกองทุน การออมแห่งชาติ ซึ่งได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาเลขาธิการ กอช. เพื่อให้ได้เลขาธิการภายใน 90 วันตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ได้มีการพิจารณาโครงสร้างและอัตรากำลังของกองทุน และร่างระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและจำเป็นที่จะต้องใช้ในช่วงที่กองทุนเริ่มดำเนินการด้วย นายอารีพงศ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีแรงงานที่มีอายุ 15 — 60 ปีประมาณ 38.7 ล้านคน เป็นแรงงานที่อยู่ในระบบ 14.6 ล้านคน และอยู่นอกระบบ 24.1 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่อายุ 15 ปีขึ้นไปแต่ไม่ได้ทำงานอีก 11.4 ล้านคน สำหรับการเข้าเป็นสมาชิก กอช. พระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติได้กำหนดให้กองทุนเปิดรับสมาชิกเมื่อพ้น 360 วันนับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะเปิดรับสมาชิกได้ในวันอังคารที่ 8 พฤษภาคม 2555 เป็นต้นไป สำหรับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครเป็นสมาชิก จะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยที่มีอายุ 15 — 60 ปีบริบูรณ์ และไม่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญเพื่อการชราภาพที่มีการสมทบเงินจากรัฐหรือนายจ้างหรืออยู่ในระบบบำนาญใดๆ ซึ่งจากข้อมูลแรงงานข้างต้น จะมีผู้มีสิทธิสมัครเข้าเป็นสมาชิก กอช. ประมาณ 35.5 ล้านคน ทั้งนี้ สมาชิกมีสิทธิออมเงินขั้นต่ำครั้งละ 50 บาท แต่ไม่เกินปีละ 13,200 บาท และจะได้รับเงินสมทบจากรัฐบาลตามจำนวนเงินที่สะสมเข้ากองทุนและอายุของสมาชิก โดยมีอัตราเงินสมทบดังนี้ อายุสมาชิก อัตราเงินสมทบต่อเงินสะสม เงินสมทบสูงสุด ที่จะกำหนดโดยกฎกระทรวง ไม่ต่ำกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี ร้อยละ50 600 บาท/ปี มากกว่า 30 ปี แต่ไม่เกิน 50 ปี ร้อยละ80 960 บาท/ปี มากกว่า 50 ปี แต่ไม่เกิน 60 ปี ร้อยละ100 1,200 บาท/ปี ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาช่องทางการรับสมัครสมาชิก โดยในเบื้องต้นนี้ได้พิจารณาให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เป็นช่องทางหลักในการรับสมัคร รวมถึงรับเงินสะสมจากสมาชิก นอกจากนี้ เพื่อเป็นการจูงใจและเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุสามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกใน กอช. ในช่วงขวบปีแรก พระราชบัญญัติฯ นี้ได้กำหนดให้ผู้สมัครที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปที่มาสมัครภายใน 1 ปีนับแต่กองทุนเปิดรับสมาชิก มีสิทธิเป็นสมาชิกของกองทุนต่อไปได้อีก 10 ปีนับแต่วันที่เป็นสมาชิก “กระทรวงการคลังเชื่อมั่นว่า กอช. จะเป็นเครื่องมือของรัฐที่ช่วยสร้างความเท่าเทียมและความเป็นธรรมแก่แรงงานนอกระบบที่ยังไม่ได้รับความคุ้มครองทางสังคมเพื่อการชราภาพซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศให้มีช่องทางการออมในช่วงชีวิตวัยทำงาน เพื่อให้มีรายได้ในรูปบำนาญสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตยามชรา” ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวในท้ายที่สุด สำนักนโยบายการออมและการลงทุน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 02-273-9020 ต่อ 3688 โทรสาร 02-618-9987

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ