กรุงเทพฯ--25 พ.ค.--บลจ.ยูโอบี
หากพิจารณาตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี 2554 เป็นต้นมา จะพบว่าภาพรวมเศรษฐกิจยังคงเติบโตได้ในระดับที่ดี ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดฯ เติบโตได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ มีการปรับเพิ่มการคาดการณ์มาโดยตลอด ซึ่งในช่วงต้นปีนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าในปี 2554 บริษัทจดทะเบียนจะมีผลกำไรเติบโตโดยเฉลี่ยร้อยละ 13 แต่ ณ ปัจจุบัน (เดือนพ.ค.) ปรับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20
คุณวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. ยูโอบี (ไทย) จำกัด ได้แสดงมุมมองเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยว่า “สภาพคล่องในตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับสูง และพร้อมที่จะกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าในช่วงนี้ตลาดจะมีความผันผวนจากความกังวลในปัญหาหนี้ของกลุ่มประเทศยุโรป และการฟื้นตัวระยะสั้นของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ แต่ตราบใดที่สภาพคล่องในตลาดโลกยังคงสูงอยู่ และการเติบโตของเศรษฐกิจและผลตอบแทนดอกเบี้ยในเอเชียยังคงสูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว ผมเชื่อว่าสภาพคล่องจะยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไป ส่งผลให้ทิศทางค่าเงินเอเชีย (รวมถึงค่าเงินบาท) ยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในระยะกลาง - ยาว นอกจากนี้สภาพคล่องในประเทศไทยเองยังอยู่ในระดับสูงเช่นกัน นักลงทุนในประเทศมีโอกาสที่จะซื้อหุ้นกลับหลังจากที่ขายสุทธิอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี และในช่วงปลายปีแรงซื้อจากกองทุนประหยัดภาษีจะช่วยสนับสนุนตลาดหุ้นไทยได้”
คุณวนา พูลผล กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในระดับที่ไม่แพง เมื่อเทียบกับโอกาสในการเติบโตของผลกำไร ณ ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยซื้อขายที่สัดส่วนราคาต่อกำไร (PE ratio) 12 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ 12.6 เท่า แต่ตลาดหุ้นไทยมีการเติบโตของผลกำไร (ร้อยละ 20) ซึ่งสูงกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคโดยเฉลี่ย (ร้อยละ 17) และในอดีตสัดส่วนราคาต่อกำไรของตลาดหุ้นไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 14 เท่า ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายที่เราคาดหวังว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นไปถึงได้ภายในสิ้นปีนี้”
หลังจากที่ได้ออกกองลักษณะนี้และประสบความสำเร็จมาแล้ว 4 กองทุน บลจ. ยูโอบี (ไทย) จึงได้ออกกองทุนเปิด ยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 5 (UOBSS5) เพื่อนำเสนอให้กับผู้ลงทุนอีกครั้ง โดยจะเปิดเสนอขายครั้งแรกและครั้งเดียว ระหว่างวันที่ 25-31 พ.ค. นี้ ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีการกำหนดเป้าหมายผลตอบแทนที่ชัดเจน และผู้จัดการกองทุนสามารถปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ โดยกองทุนนี้จะลงทุนในตราสารทุนที่มีแนวโน้มหรือปัจจัยพื้นฐานดี ทั้งนี้เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน และคำนึงถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นเป็นสำคัญ กองทุนมีอายุโครงการประมาณ 1 ปี และบลจ.จะทำการเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุกองทุน หากภายในช่วงอายุโครงการ 1 ปี นับจากวันจดทะเบียน
- มูลค่าหน่วยลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับ 10.85 บาทต่อหน่วย เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน และ
- ในวันทำการถัดไป (ซึ่งจะต้องไม่เกิน 1 ปี นับจากวันจดทะเบียน) มูลค่าหน่วยลงทุนที่จะรับซื้อคืนอัตโนมัติให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.70 บาทต่อหน่วย และทรัพย์สินของกองทุนเป็นเงินสดหรือเงินฝากทั้งหมด
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามและติดต่อจองซื้อหน่วยลงทุนได้ที่เครือข่ายสาขาทั่วประเทศของธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนอื่นๆ ที่บลจ. แต่งตั้ง หรือ งานบริการผู้ถือหน่วยของ บลจ. ยูโอบี (ไทย) โทร. 0-2676-7200 อีเมลล์ wealthservice@uobam.co.th
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต