กรมธุรกิจพลังงานเผย ยอดน้ำมันและNGV พุ่งต่อเนื่องจากเมษายนถึงต้นพฤษภาคม ชี้รัฐลดการนำเข้า LPG หลังยอดใช้เดือนเมษาลดลง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 25, 2011 15:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 พ.ค.--ทริปเปิล เจ คอมมิวนิเคชั่น นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึง สถานการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในเดือนเมษายน 2554 ว่า ปริมาณการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินในเดือนเมษายน 2554 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 4% จาก 19.8 ล้านลิตร/วัน มาอยู่ที่ 20.6 ล้านลิตร/วัน และกลุ่มน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.5% จาก 55.0 ล้านลิตร/วัน เป็น 55.3 ล้านลิตร/วัน ซึ่งเป็นผลจากช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ที่ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและเดินทางท่องเที่ยวกันมาก และน้ำมันกลุ่มดีเซลยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงเดือนพฤษภาคมที่มีการใช้อยู่ที่ 56.0 ล้านลิตร/วัน ในขณะที่การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน อยู่ที่ 19.1 ล้านลิตร/วัน (ข้อมูล ณ วันที่ 14 พ.ค.54) การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน แบ่งเป็นเบนซินออกเทน 91 และออกเทน 95 รวมกัน อยู่ที่ 7.7 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 1% และการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์รวม อยู่ที่ 12.9 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 5% แม้ว่าปัจจุบันจะมีปัญหาเรื่องมันสำปะหลังขาดแคลนและมีราคาแพง ทำให้โรงงานเอทานอลที่ใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบอาจหยุดการผลิตหรือชะลอการดำเนินการออกไปแต่จะไม่กระทบกับการผลิตแก๊สโซฮอล์แต่อย่างใด เพราะมีปริมาณสต็อกเอทานอลของประเทศอยู่ในระดับสูง ประกอบกับโรงงานเอทานอลที่ใช้วัตถุดิบจากกากน้ำตาลหรือน้ำอ้อย มีกำลังการผลิตถึง 2.1 ล้านลิตร/วัน ในขณะที่ความต้องการใช้เอทานอลอยู่ที่ประมาณ 1.3—1.4 ล้านลิตร/วัน ส่วนของการใช้กลุ่มน้ำมันดีเซล ปริมาณการใช้ดีเซลหมุนเร็วธรรมดาอยู่ที่ 54.0 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 0.2% ในขณะที่น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ลดลงเหลือ 0.054 ล้านลิตร/วัน ซึ่งเป็นผลจากปัญหาเรื่องน้ำมันปาล์มขาดแคลนในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ กรมธุรกิจพลังงานจึงได้ออกประกาศกำหนดคุณภาพน้ำมันดีเซลให้มีส่วนผสม B100 2% และขอความร่วมมือลดการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 แต่ปัจจุบันสถานการณ์ปาล์มน้ำมันเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ กรมธุรกิจพลังงานจึงออกประกาศกำหนดคุณภาพน้ำมันดีเซลหมุนเร็วใหม่ให้มีส่วนผสมของ B100 อยู่ในช่วง 3%-5% ตั้งแต่ วันที่ 1 พฤษภาคม 2554 เป็นต้นไป โดยในปัจจุบันสัดส่วนการผสม B100 อยู่ที่ 3% และหากปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันมีมากพอ กรมธุรกิจพลังงานจะประกาศสัดส่วนการผสม B100 เพิ่มขึ้นเป็น 4% หรือ 5% แล้วแต่ความเหมาะสม ซึ่งต้องมีการพิจารณาร่วมกันจากกระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำหรับการใช้ NGV ช่วงเดือนเมษายนนั้น มีปริมาณลดลง 7% จากเดิมอยู่ที่ 6.5 ล้านกิโลกรัม/วัน เหลือเพียง 6.0 ล้านกิโลกรัม/วัน ทั้งนี้เป็นผลจากการหยุดติดต่อกันหลายวันของโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้รถบรรทุกที่ใช้ NGV หยุดวิ่งไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากพ้นช่วงเทศกาลเดือนเมษายนแล้ว ในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนพฤษภาคม ปริมาณการใช้ NGV ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน อยู่ที่ 6.3 ล้านกิโลกรัม/วัน ส่วนของปริมาณการใช้ LPG ในเดือนเมษายน 2554 อยู่ที่ 539,000 ตัน/เดือน หรือ 18,000 ตัน/วัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 0.2% แบ่งเป็น การใช้ในภาคขนส่ง 70,000 ตัน/เดือน หรือ 2,300 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 4% และการใช้ในภาคปิโตรเคมี 195,000 ตัน/เดือน หรือ 6,500 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 4% เช่นเดียวกัน ขณะที่การใช้ในภาคครัวเรือน อยู่ที่ 214,000 ตัน/เดือน หรือ 7,100 ตัน/วัน ลดลงเล็กน้อย จากเดือนมีนาคม และการใช้ในภาคอุตสาหกรรม 60,000 ตัน/เดือน หรือ 2,000 ตัน/วัน ลดลง 13% โดยในเดือนเมษายนมีการนำเข้า LPG เพียง 74,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 2,200 ล้านบาท กองทุนจ่ายชดเชย 1,400 ล้านบาท ด้านการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง มีปริมาณนำเข้ารวมทั้งหมด 914,000 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 11% ในขณะที่มูลค่านำเข้ารวมอยู่ที่ 97,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16% แบ่งเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบ 870,000 บาร์เรล/วัน มูลค่านำเข้า 93,000 ล้านบาท และน้ำมันสำเร็จรูป 45,000 บาร์เรล/วัน มูลค่านำเข้า 3,900 ล้านบาท ส่วนการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปมีปริมาณ 194,000 บาร์เรล/วัน เป็นมูลค่าส่งออก 21,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% และ 55% ตามลำดับ นอกจากนี้ นายวีระพล ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงราคาน้ำมันในตลาดโลกว่า ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมมีการแกว่งตัวสูงมาก โดยบางวันได้ปรับตัวลดลงกว่า 10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก่อนที่จะปรับเพิ่มขึ้น และลดลงอีกครั้งในช่วงครึ่งเดือนหลัง อย่างไรก็ตาม EIA ได้คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI ในไตรมาสที่ 2 จะอยู่ที่ระดับ 106.18 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ