กรุงเทพฯ--27 พ.ค.--แอสเซท พลัส
วันนี้— 2 มิถุนายน 2554 บลจ.แอสเซท พลัส เสนอขาย IPO กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 2 (ASP-TFIXED2) ลงทุนในตราสารหนี้เอกชนไทย เงินฝากธนาคารและพันธบัตรต่างประเทศ อายุประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทน 3.00% ต่อปี* พร้อมเสนอกองทุน Rollover อีก 2 กองทุน ต้นเดือน มิ.ย. นี้
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในทิศทางขาขึ้นของหลายประเทศเอเชียช่วยให้ตราสารหนี้ระยะสั้นในเอเชียมีความน่าสนใจ รวมถึงประเทศไทย ที่คาดว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังอยู่ในช่วงขาขึ้นตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีเป้าหมายว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยกลับสู่ระดับปกติ เพื่อควบคุมระดับอัตราเงินเฟ้อซึ่งปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าเป้าหมายที่ 3-4% ในช่วงปลายปีนี้ บริษัทฯ จึงคาดว่าปลายปีนี้ อัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะอยู่ที่ระดับ 3.5-4.0%
ทั้งนี้ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น จะส่งผลดีต่ออัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้น ที่จะมีการปรับเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย บริษัทฯ จึงแนะนำให้นักลงทุนลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อไม่ให้เสียโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนสูงขึ้นในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น
ดร.วิน กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ — 2 มิถุนายน บลจ.แอสเซท พลัส อยู่ระหว่างเสนอขาย IPO กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 2 (ASP-TFIXED2) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่เปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยในรอบการลงทุนแรกนี้ กองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้เอกชนไทย เงินฝากธนาคารและพันธบัตรต่างประเทศ อายุประมาณ 6 เดือน ได้แก่ ตั๋วแลกเงินของบริษัทเอกชนไทยที่มีฐานะการเงินดี เช่น บจ.น้ำตาลมิตรผล (MPSC) บมจ. บัตรกรุงไทย (KTC) บมจ.ภัทรลิสซิ่ง (PL) เงินฝากธนาคาร Deutsche Bank และ Cr?dit Agricole CIB ในประเทศฮ่องกง สัดส่วนตราสารละประมาณ 20% ของพอร์ตการลงทุน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.00% ต่อปี*
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเสนอขายกองทุนประเภท Rollover อีก 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทรัพย์ มั่นคง 3 (ASP-SIF3) เป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ ที่เปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา ในรอบการลงทุนนี้มีระยะเวลาประมาณ 2 เดือน โดยกองทุนจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ในสัดส่วนประมาณ 80% และตั๋วแลกเงิน บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) ประมาณ 20% ของพอร์ตการลงทุน คาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 2.40% ต่อปี* โดยจะเปิดขายและรับซื้อคืน (Rollover) รอบใหม่ ในวันที่ 1 มิ.ย. นี้
และในวันที่ 8 มิ.ย. บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอ็คทีฟเอฟไอเอฟ 7 (ACFIF7) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่เปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้ จะพิจารณาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ (MSB) เงินฝากธนาคาร Deutsche Bank และ Cr?dit Agricole CIB ในประเทศฮ่องกง และตั๋วแลกเงิน บจ.น้ำตาลมิตรผล (MPSC) อายุประมาณ 6 เดือน คาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.00% ต่อปี
ผู้ลงทุนทั่วไป : Call Center 02-672-1111 สื่อมวลชน : ส่วนงานประชาสัมพันธ์ มุกพิม จุลพงศธร โทร. 02-672-1000 ต่อ 3308 อีเมล์: mookpim_ch@assetfund.co.th