รัฐมนตรีการค้าเอเปคเตรียมหารือแนวทางการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ ในภูมิภาคให้ใกล้ชิดมากขึ้น

ข่าวทั่วไป Tuesday July 3, 2007 11:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ก.ค.--ปชส.จร.
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (APEC Ministers Responsible for Trade Meeting : MRT) ครั้งที่ 13 ณ เมืองแคร์นส์ ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 5 — 6 กรกฎาคม 2550 โดยประเด็นสำคัญของการประชุมครั้งนี้คือ การหารือเรื่องแนวทางการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค (Regional Economic Integration : REI) ซึ่งเป็นการเตรียมการเพื่อนำไปสู่ความใกล้ชิดทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคมากขึ้น โดยที่ประชุมจะพิจารณาข้อเสนอแนะต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือด้านการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน การเสริมสร้างความเข้มแข็งของตลาดเงินตลาดทุน และการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศสมาชิกด้านต่าง ๆ (capacity-building) รวมไปถึงหารือความเป็นไปได้ในการเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรีเอเชียแปซิฟิค (Free Trade Area of the Asia Pacific : FTAAP) ในอนาคตระยะยาว ซึ่งข้อสรุปของที่ประชุมครั้งนี้จะนำเสนอต่อที่ประชุมผู้นำเอเปคในเดือนกันยายนที่นครซิดนีย์ต่อไป
อีกประเด็นที่สำคัญคือ การหารือแนวทางช่วยเหลือสมาชิกเอเปคให้มีการปฏิรูปโครงสร้างภายในประเทศ (Structural Reform) โดยมุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพของกลไกตลาดและโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นประเด็นที่เอเปคจะให้ความสำคัญมากขึ้นและผลักดันให้มีผลการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเป็นอีกกลไกหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนการไปสู่เป้าหมายโบกอร์ (Bogor Goals) ในการเปิดเสรีการค้าการลงทุนในปี 2010/2020 ของภูมิภาคนี้
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีการค้าเอเปคจะมีถ้อยแถลงร่วมกันในเรื่อง การเจรจารอบโดฮา เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองผลักดันให้การเจรจารอบโดฮามีความคืบหน้าและบรรลุผลสำเร็จในปีนี้ โดยจะย้ำถึงผลการเจรจาที่มีการเปิดตลาดอย่างแท้จริง และมีความสมดุล และที่ประชุมจะรับรองแผนการอำนวยความสะดวกทางการค้าช่วงที่ 2 ที่มุ่งลดต้นทุนการทำธุรกรรมทางการค้าภายในภูมิภาคลงอีก 5% ภายในปลายปี 2010 หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการลดต้นทุนไปแล้ว 5% ในปี 2006 เอเปคเป็นการรวมกลุ่มทางภูมิภาคของประเทศในเขตเอเชียแปซิฟิค ปัจจุบันมีสมาชิก 21 ประเทศ ซึ่งมีมูลค่าการค้าในภูมิภาคประมาณร้อยละ 70 ของมูลค่าการค้าโลก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ