กรุงเทพฯ--27 มี.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) เป็น “A-” จากเดิม “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่แน่นอนจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าของบริษัท ตลอดจนผลงานที่เป็นที่ยอมรับในธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม และการสนับสนุนจากผู้ร่วมทุนชาวญี่ปุ่น โดยการให้อันดับเครดิตยังคำนึงถึงความผันผวนของธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม และภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวอันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและความกังวลเกี่ยวกับกฎระเบียบของภาครัฐ
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานภาพที่แข็งแกร่งในธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเอาไว้ได้ และคาดว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าของบริษัทจะสามารถสร้างรายได้ที่แน่นอนซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของรายได้จากการขายที่ดิน แม้ว่าสัดส่วนโครงสร้างหนี้ของบริษัทจะยังคงสูงอยู่ในช่วง 2 ปีข้างหน้า แต่ก็คาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาสัดส่วนเงินกู้ต่อโครงสร้างเงินทุนให้ต่ำกว่า 60% ได้ในระยะปานกลาง
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทสวนอุตสาหกรรมโรจนะเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของประเทศไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2531 โดยตระกูลวินิชบุตรและกลุ่มซูมิโตโม (Sumitomo Group) ณ เดือนตุลาคม 2549 Sumikin Bussan Corporation ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มซูมิโตโมถือหุ้นบริษัทในสัดส่วน 27.4% ในขณะที่ตระกูลวินิชบุตรถือหุ้น 21.2% บริษัทเป็นเจ้าของและบริหารสวนอุตสาหกรรม 2 แห่งในจังหวัดอยุธยาและระยอง ในช่วงปี 2547-2549 บริษัทมียอดขายพื้นที่ในสวนอุตสาหกรรมเฉลี่ย 514 ไร่ต่อปี โดยรวมยอดขายทั้งสิ้น ณ เดือนธันวาคม 2549 ประมาณ 4,450 ไร่ พื้นที่ขายในสวนอุตสาหกรรมโรจนะของบริษัทที่เหลืออีกประมาณ 3,400 ไร่ถือว่ามากพอที่จะรองรับการพัฒนาในอนาคตเมื่อพิจารณาจากอัตราการขายที่ดินเฉลี่ยปีละ 500 ไร่ บริษัทยังเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าในสวนอุตสาหกรรมโรจนะอยุธยาซึ่งดำเนินการภายใต้ชื่อ บริษัท โรจนะ พาวเวอร์ จำกัด กำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 122 เมกะวัตต์เป็น 208 เมกะวัตต์ภายในปี 2549 และจะเพิ่มเป็น 267 เมกะวัตต์ภายในปี 2551 ซึ่งเป็นไปตามยอดขายที่ดินและลูกค้าที่เพิ่มขึ้น บริษัทขายไฟฟ้าประมาณ 90 เมกะวัตต์ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) และไฟฟ้าส่วนที่เหลือขายให้แก่ลูกค้าในสวนอุตสาหกรรม ในช่วงปี 2547-2549 รายได้จากการขายไฟฟ้าและน้ำคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2 ใน 3 ของยอดขายรวมของบริษัทและคิดเป็น 60% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายรวมของบริษัท
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า สำหรับปี 2549 บริษัทสวนอุตสาหกรรมโรจนะขายที่ดินในสวนอุตสาหกรรมได้ 552 ไร่ ซึ่งแม้ว่ายอดขายดังกล่าวจะต่ำกว่ายอดขายในปี 2548 ประมาณ 9% แต่ก็ยังคงดีกว่าอุตสาหกรรมโดยรวมอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองทำให้ยอดขายที่ดินในสวนอุตสาหกรรมของประเทศในปี 2549 ลดลง 29% จากปี 2548 โดยคิดเป็น 2,865 ไร่ อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายไฟฟ้าของบริษัทยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 3,530 ล้านบาทเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของลูกค้าในสวนอุตสาหกรรมและสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวที่มีกับ กฟผ. ส่วนการขยายธุรกิจสู่โครงการพัฒนาคอนโดมิเนียมของบริษัทอยู่ในระดับที่น่าพอใจเนื่องจากโครงการตั้งอยู่บนทำเลที่ดีบนถนนสุขุมวิท 41 โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2549 บริษัทมียอดขาย 95% ของโครงการซึ่งมีมูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท และคาดว่าโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในครึ่งแรกของปี 2550
ภาวะถดถอยของธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมมีสาเหตุหลักมาจากผลของความไม่แน่นอนทางการเมืองและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยในระยะปานกลางถึงระยะยาวยังคงดีอยู่เนื่องจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติและการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงทำเลที่ตั้งที่ดีของประเทศไทยยังคงดึงดูดความสนใจของนักลงทุนต่างชาติ ทริสเรทติ้งกล่าว