กรุงเทพฯ--2 มิ.ย.--สหมงคลฟิล์ม
ถอดความรู้สึกและมุมมอง “ความรัก” ที่หลายคนไม่เคยรู้ผ่านผลงานการกำกับลำดับที่ 9 ของ “หม่ำ จ๊กมก”อีกแง่มุมอุ่นๆ ซึ้งๆ แต่ขอแอบฮา กับ “ใหม่กะหม่ำ โดนกะโดน”หนังรัก “โดนๆ” ของคนรัก “เพื่อน” พอๆ กับรัก “เมีย”
Q. ทักทายกันก่อน อยากให้พี่หม่ำพูดถึงภาพยนตร์เรื่องล่าสุด โดยเฉพาะบทบาทและคาแรคเตอร์ที่ได้รับในภาพยนตร์เรื่องใหม่กะหม่ำ โดนกะโดน
M. สวัสดีครับ หม่ำครับ เจอกันอีกแล้ว ก็ตอนนี้มีภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่ผมกำกับชื่อว่า ใหม่กะหม่ำ โดนกะโดน ในเรื่องคาแรคเตอร์ของผมก็คงจะเป็นคนนิ่งๆ เป็นคนที่มีความสุขกับความรัก กับคนสองคน นั่นคือภรรยาและเพื่อนตัวเอง อาชีพก็ทำงานเป็นไกด์ คอยพาแขกเที่ยว แขกทุกประเทศที่ไม่ใช่ ยุโรปกับอเมริกา แขกก็จะติดใจกับผมมาก เพราะผมพาทัวร์ในแบบที่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา แทนที่จะพาไปยังสถานที่ต่างๆ ดังๆ ผมก็จะพาเขาไปที่ๆ นักท่องเที่ยวเขาไม่เคยไป แต่เป็นสิ่งที่คนบ้านเราเขาชอบ เขาเล่น อย่างเช่น ไปดูปลากัดกัน ซึ่งไม่มีใครเขาพาไปดูหรอก แต่ผมก็พาไปดู พาไปดูขนมของคนไทยเรา อย่างขนมเบื้อง ขนมครก นั่นคือในส่วนของบทบาทคาแรคเตอร์หน้าที่การงาน แต่ส่วนที่เป็นบุคลิกนิสัยตัวตนจริงๆ ของหม่ำในเรื่องนั่นคือในเรื่องของความรักความผูกผันที่ตัวละครตัวนี้มี ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ปวดหัว เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะต้องแบ่งความรักออกเป็น 2 ซีก 2 ฝั่ง คือ ฝั่งหนึ่งให้ภรรยา อีกฝั่งหนึ่งให้เพื่อน จนกระทั่งพูดได้ว่าไม่เหลือสักฝั่งสำหรับตัวเอง คือความรักที่มีก็ให้เมียให้เพื่อนไปหมดแล้ว คาแรคเตอร์ในหนังชีวิตตัวเองก็ไม่เคยมีเมียมาก่อนนะ เพิ่งมีเมียคนแรกคือกะเพราซึ่งเล่นโดยคุณโหน่ง ชะชะช่า ซึ่งเราเจอเขาก็รักและเอ็นดูเขา ก็อยู่ด้วยกันมา 14 -15 ปี ก็รู้สึกสงสารและเป็นห่วงเขา ไม่ได้คิดว่าเขาเป็นกะเทยนะ คิดว่าเขาเป็นผู้หญิงเลยล่ะ แต่กับใหม่ที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เล็กๆ จนทิ้งกันไม่ได้ ไม่ว่ามันจะทุกข์ หรือมันจะสุข เราก็ต้องคอยดูแล บางครั้งเหมือนยิ่งกว่าเพื่อน และบางครั้งก็ไม่ใช่เพื่อน บางทีเหมือนพี่ บางทีเหมือนพ่อ บางทีเหมือนน้อง คือทั้งชีวิตของหม่ำเนี่ยะมีเพื่อนคนเดียวเลยคือใหม่ ถ้ามันทุกข์มันร้อนยังไงเราก็เป็นไปกะมันไปด้วย พูดได้ว่าทุกเรื่องที่ใหม่มีความสุข หม่ำก็จะมีความสุขด้วย และพอใหม่มีความทุกข์ มันก็เหมือนเราอยู่ไม่สุข อยู่เฉยๆ ไม่ได้ ทั้งๆ ที่เราก็พยายามบอกใหม่นะ รู้หมดนะว่าใหม่มีผู้ชายกี่คน ชอบผู้ชายกี่คน คือพยายามบอกพยายามเตือนว่ามึงจะชอบใครมึงก็ดูให้ดีก่อน มันจะมีอยู่ซีนหนึ่งที่ซึ้งๆ มาก คือหม่ำบอกใหม่ว่า มึงอย่าเอาแหไปหว่าน
ผู้ชายเลย พอมึงหว่านเสร็จมึงก็รักเขา ไม่รู้ว่าดีไม่ดีสุดท้ายมันก็จบแบบนี้ที่กูก็ต้องมาคอยปลอบใจอยู่เป็นเพื่อนมึงตลอดทั้งที่กูก็มีหน้าที่การงาน เสียการเสียงาน เสียครอบครัวก็เพราะมึงเนี่ยแหละ พยายามจะบอกมัน ซีนที่อยู่บนตึกมันจะโดดตึกตายไง ไม่ว่ามันจะทำอะไร มันจะโทรหาไม่ว่าเราจะอยู่ไหน กลางวันกลางคืน หรือเราหลับ มันเมาเหล้า ไม่ว่าเราจะอยู่ไหนเราก็ต้องไป ถ่อสังขารไปแบกมันกลับมานอนที่บ้าน จนพ่อแม่ของใหม่รู้สึกว่าคนนี้มันเหมือนไม่ใช่เพื่อนของใหม่ เหมือนสามีมันมากกว่า คือต้องคอยบอกมันตลอด กินข้าวก็ต้องคอยเขียนบอกเอาไว้ บอกว่าตรงนี้มีโจ๊กนะ ในตู้เย็นมีอันนี้นะ ต้องบอกกินหน่อยนะ และต้องบอกให้ไปทำงานได้แล้ว ให้ห่วงตัวเองบ้าง ห่วงงาน ห่วงพ่อห่วงแม่ด้วย เวลาจะไปไหนก็โทรบอกพ่อบอกแม่ด้วย บางทีกูก็ขี้เกียจรับโทรศัพท์พ่อกับแม่มึง คือมันจะพูดยังไงดี มันเป็นเพื่อนกันจนรู้สึกว่าขาดกันไม่ได้ แต่เราก็ขาดเมียเราไม่ได้เหมือนกัน แต่ต้องขอให้เป็นชีวิตของครอบครัวกูสักนิดหนึ่งได้ไหม ตั้งแต่เล็กจนโตมากูไม่ว่า แต่ว่าช่วงนี้กูมีครอบครัวแล้ว เมื่อก่อนกูเคยแบ่งให้มึงห้าสิบห้าสิบ แต่ตอนนี้ต้องขอให้ครอบครัวกูสักเจ็ดสิบ แล้วมึงเอาไปสามสิบได้ไหม เราก็อยากจะบอกมันแบบนั้นแต่ก็กลัวเพื่อนโกรธ คือใครที่มีเพื่อนต้องมาดูเรื่องนี้แหละ ในความเป็นห่วงเป็นใยของเพื่อนนะ
Q. ดูท่าทางว่าเพื่อนจะมีบทบาทสำคัญและมีอิทธิพลกับชีวิตของคาแรคเตอร์นี้เผลอๆท่าทางจะมากกว่าเมียด้วยซ้ำ ดูเป็นตัวละครที่ความสัมพันธ์ของเพื่อนกับเมียจะเกี่ยวดอง ผูกผันและมะรุมมะตุ้มกันชนิดที่ว่าแยกกันไม่ออกเลยใช่มั้ย
M. ที่จริงแล้วคำว่า รักเพื่อนมากกว่าภรรยา ก็คงไม่ใช่หรอก รักเท่าๆ กันนี่แหละ แต่เป็นคนนิ่งๆ ในเรื่อง แล้วเราก็ไม่เคยได้คุยกับกะเพรา ซึ่งเป็นเมีย คือเราก็คนสบายๆ บางทีเราก็ไม่กล้าบอกกะเพราว่าเรารัก แต่ก็อยากบอก แต่จริงๆ แล้ว กะเพราน่าจะรู้ใจคนที่อยู่ด้วยกันมา 14 ปี บางทีเราก็รู้สึกได้ว่าเวลาที่เราไปหาใหม่ ตอนที่แบบหลับๆ อยู่ ทำกิจกรรมร่วมกันอยู่ หรือทำอะไรก็ตามที่แสดงความรักต่อกันโดยเฉพาะความโรแมนติก กับกะเพราเนี่ยะ ก็มักจะมีใหม่ชอบมาในช่วงเวลานั้นพอดี เหมือนตอนที่ครบรอบ 14 ปีที่เราอยู่ด้วยกันมา ก็กำลังดินเนอร์กันอยู่ดีๆ ซึ่งมันเป็นอะไรที่จะประจวบเหมาะกันพอดีที่จะทำให้กะเพราคิด ใหม่เป็นเพื่อนหรือเมียมึง มันก็สามารถคิดได้กะเพราเขาก็รู้สึกว่านี่มันอะไรกันนักกันหนา นี่ใช่เมียหรือเปล่า ถ้ากะเพราพูดว่าให้เลือกระหว่างเพื่อนกับเมีย เราก็เลือกไม่ได้หรอก เพราะเรารักทั้งเมียรักทั้งเพื่อน เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเรา คือกะเพราเราก็ขาดไม่ได้ ไม่มีทางขาดกะเพราได้ และไม่มีทางขาดใหม่ได้เหมือนกัน ทั้งสองอย่างมันเหมือนเห็บกับหมัด ที่อยู่กันคนละข้าง อยู่ในขนหมาอยู่ตลอด ซึ่งแยกแยะไม่ออกว่าจะเลือกใคร มันเลือกไม่ได้ คือก็ต้องเลือกทั้งสองคน แต่กะเพราอาจจะไม่เข้าใจในเรื่องของการที่มีเพื่อน เพราะกะเพราเป็นคนไม่มีเพื่อน กะเพราก็อาจจะไม่เข้าใจ ก็เลยไม่อยากจะอธิบายให้กะเพราฟัง แต่อยากบอกว่ารักกะเพรามาก แต่ใหม่ก็คือเพื่อน และบอกว่าเป็นเพื่อนอยู่ตลอด แม้แต่ตอนหลังที่มันเข้าใจผิดกันแล้ว ใหม่ก็พยายามบอกว่าไอ้หม่ำ ถ้ากูจะรักมึงจริงๆ มึงจะรักกูไหม เป็นคำที่แบบหยาบคายมากสำหรับเรา ซึ่งเราแบบโกรธมันมากเลย คือทั้งชีวิตก็คือโกรธมันคำนี้
Q. อย่างนี้ต้องเล่าให้ฟังแล้วว่าเรื่องราวของ “ใหม่กะหม่ำ โดนกะโดน”เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
M. คือมันไม่ใช่รักสามเศร้านะ คือต้องบอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้เป็นความรักระหว่างเพื่อนกับภรรยา ซึ่งตัวภรรยาเริ่ม ตะหงิดๆ กับตัวเอง ว่าหม่ำกับใหม่เนี่ยะมันใช่หรือเปล่า แต่ความรักที่เรามีต่อใหม่กับกะเพรา มันคนละอย่างมันคนละซีก มันคนละเรื่องกันอยู่แล้ว มันเรียกยังไงดี คือนี่ตัวผมเคยมีเพื่อนมานะ เป็นเพื่อนผู้หญิง คือตัวเราก็มีเพื่อนที่โตด้วยกันมา เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เล็กๆ ที่เล่นเรื่อง จั๊กกะแหล๋น ที่เล่นเป็นสมศรี นั่นนะ คือเราจะคอยกันคอยอะไรเหมือนแบบนี้เลย คือมีอะไรก็คอยปรึกษากัน ซึ่งเพราะเรื่องอาจจะเกิดขึ้นจากอันนี้ก็ได้นะ คือเรื่องนี้ก็คือเกิดจากชีวิตจริงนะ เราเคยเจอมาแล้วไง เราก็ค่อยๆ คิด ค่อยๆทำไป เพื่อนที่ชื่อสมศรีมันก็มีผู้ชายมาจีบมาชอบ แต่มันไม่ชอบ เราก็คอยกันให้มัน คือก็ไม่ได้ทำร้ายจิตใจคนที่มาแอบชอบหรอก ก็ค่อยๆ คุย ให้เขารู้สึกดี คือคนที่เห็นเนี่ยะก็นึกว่าเราเป็นแฟนกับสมศรี เหมือนกันเลย อารมณ์เดียวกันแบบนี้เลย แต่ผิดตรงที่ใหม่เนี่ยะมันชอบไปหว่านผู้ชาย เห็นใครหน้าตาดีหน่อยก็ไปรักเขาแล้ว ชอบเขา เขาดีหมด สุดท้ายก็เป็นแบบนี้ กับภาพยนตร์เรื่องนี้มันไม่ใช่รักสามเศร้า แต่เป็นเรื่องของภรรยาผมคนหนึ่ง และเพื่อนอีกคนหนึ่ง ซึ่งจะแตกต่างกันอยู่แล้ว เหตุการณ์มันบังเอิญและเข้าใจผิด กับเมียเรา เราก็ตกบันไดพลอยโจรกับใหม่ เมากัน แต่ทั้งเรื่องคาแรคเตอร์ของหม่ำเป็นคนไม่ดื่ม แต่เพราะความเข้าใจผิดกันนิดหนึ่ง กับภรรยา
อย่างที่บอกคือสังคมปัจจุบัน ถ้าใครมีปัญหาในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องให้คุยกันซะ ถ้าไม่คุยกันเนี่ยะมันก็จะเหมือนภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ต้องบอกท่านผู้ชมก่อนนะว่ามันไม่ใช่เรื่องดีนะที่เวลาเสียใจอะไรแล้วไปนั่งกินเหล้า มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทีนี้ใหม่ก็เลยมานั่งกินเป็นเพื่อน ก็เป็นคิวของใหม่บ้างละ เราก็บอกไอ้ใหม่มึงอยู่ไหน มาหากูด้วย ใหม่ก็ตกใจ ไม่เคยเห็นเพื่อนคนนี้เมาหรือกินเหล้า ตั้งแต่เกิดมามันไม่เคยเห็นเพื่อนคนนี้กินเหล้าหรือสูบบุหรี่ แต่วันนั้นมันเมาเละ ใหม่ก็เมาไปด้วย เสียใจกับเพื่อน ก็เลยนั่นแหละ ต่างคนต่างเมา พอมาอีกทีใหม่ท้องเลยทีนี้ เอาล่ะทีนี้ ก็เลยไปกันใหญ่ ฝั่งไอ้กะเพราก็ว่า กูนึกแล้ว มันเป็นความเข้าใจผิดกันทั้งหมดเลย เราก็เข้าใจผิดเมีย เมียก็เข้าใจผิดเรา เมียก็เข้าใจผิดใหม่ ซึ่งใหม่ก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย คือตอนที่ใหม่ท้องเนี่ย เราก็นึกอยู่ว่าเอาแล้วบรรลัยแล้ว รู้สึกผิดกับภรรยามาก เมียมันคิดยังไงกับเรา ทั้งๆ ที่เราก็อยากจะบอกว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น จะอธิบายให้ฟังแต่เขาก็ไม่ฟัง เพราะจู่ๆ เราก็หนีเขาไปโดยที่ไม่ฟังสาเหตุของเขา ไม่ฟังเรื่องของกะเพราว่ามันเป็นแบบนี้ ทีนี้เราก็มานั่งนึกว่าถ้าหน้าลูกเหมือนเรา เราจะทำยังไงกับพ่อแม่ของใหม่ ซึ่งเราเรียก ลุงป้ามาตลอด ตั้งแต่ไปบอกพ่อของใหม่ที่เล่นโดยพ่อดมก็คือเป็นลมไปเลย หัวน๊อคพื้นดังก๊อกเลย เพราะเขาไม่เชื่อว่าจะเป็นหม่ำ ยังไงก็ต้องไปดูกันนะครับ ความรักในแบบอุ่นๆ ของผม ความเป็นเพื่อนกับครอบครัว ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เราได้เห็นกันบ่อยๆ แต่อันนี้จะเข้าลึกถึงมากกว่าที่ท่านคิด อุ่นๆ ฮาๆ ในแบบฉบับของผม
Q. เห็นเป็นคนตลก ทะลึ่งทะเล้น อารมณ์ดี หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่าพี่หม่ำก็มีมุมมองแบบนี้เหมือนกัน
M. ผมว่าอาจจะเป็นสไตล์ของผมที่ชอบดูหนังมาเยอะแยะ หลากหลายแนว ทุกอย่างที่เป็นหนังผมดูหมด ต้องถามก่อนว่าในวิธีของผม แบบหนังรัก อย่างเรื่องแหยม ก็จะเป็นหนังรักๆ อีกแบบหนึ่ง แต่พอมาถึงวงษ์คำเหลา ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง แต่พอมาถึงใหม่กะหม่ำ โดนกะโดน ยิ่งเป็นคนละอย่างกันนะ มันไม่ได้เล่าถึงว่า ผู้ชายมาแอบรักผู้หญิง หรือผู้หญิงแอบรักผู้ชายนะ แต่ในเรื่องใหม่กะหม่ำฯ คือใหม่หาผู้ชายมาทั้งชีวิตแต่ก็ไม่ได้เลย เพราะไม่เจอผู้ชายที่แบบว่าดีจริงๆ มีความจริงใจจริงๆ แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่อยู่ใกล้ตัวกันทั้งชีวิตไม่เคยมองกัน เหมือนกับประโยคหนึ่งในเรื่องที่แม่ใหม่ซึ่งแสดงโดยแม่แดงฉันทนาก็จะบอกกับใหม่ว่า เรื่องผู้ชายสงสัยจะไม่โดนนะลูก ถ้ามันโดนๆ ไปนานแล้ว จะมีไดอาล็อคของแม่อยู่อันหนึ่งที่บอก คือแม่จะให้กำลังใจตลอด คนที่คว้าหาผู้ชายมาทั้งชีวิตเพื่อที่จะให้เป็นหัวหน้าครอบครัวยังไงก็ไม่เจอหรอก เพราะมันไม่ใช่ไม่โดน แต่คนที่โดนเราอาจจะมองไม่เห็นก็ได้ ซึ่งเรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องที่พูดลำบาก แม้แต่ตัวละครที่เป็นหม่ำในเรื่อง ผู้หญิงก็มีเยอะแยะ ทำไมไม่ชอบ แต่ทำไมไปชอบกะเพรา เพราะคนมันโดนไงซึ่งไอเดียตรงนี้เกิดจากเรื่องจริงของคนที่เป็นแบบนี้จริงๆ อย่างหน้าปากซอยผมจะมีร้านตัดผมร้านหนึ่งที่ตัดประจำอยู่ ชื่อร้านตาโก้ แฟนเขาก็เหมือนกะเพรา ผู้ชายก็หน้าตาดีมีหนวดเฟิ้ม อันนี้ก็เป็นเรื่องจริงที่เขารักกันมากเลยนะ แต่ในหนังของผมมันจะมีอะไรที่พลิกซ้อนกันอยู่นิดหนึ่ง แต่ถามว่าคาแรคเตอร์ของหม่ำในเรื่องรักกะเพราไหม รักมากรักที่สุดเลย ทุกวันนี้ก็ยังรักและเป็นห่วง แต่มันมีเหตุการณ์บางอย่างที่มันพลิกผันและกลายเป็นเรื่องบานปลายใหญ่โต แต่เรื่องนี้ต้องบอกว่าสงสารกะเพรามากเลยนะ ก็เป็นหนังรักในแบบฉบับของผมนะ คืออาจะมีน้ำตาคลอเบ้าแต่อมยิ้มนะ หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่แตกต่างออกจากหนังทุกเรื่องที่ผ่านมา
Q. ซึ่งจริงๆ แล้วก่อนหน้านี้พี่หม่ำเองก็เคยทำหนังรักมาก่อนถึง 2 เรื่องด้วยกัน
M. สำหรับหนังรักอย่าง ใหม่กะหม่ำ โดนกะโดน เมื่อพูดถึงในเรื่องของความแตกต่าง มันจะไม่เหมือนความรักในเรื่องวงษ์คำเหลา หรือเรื่องรักแบบแหยมยโสธร คือมันเป็นความรักที่มากกว่าคำว่าเพื่อน และคำว่าเมีย มันมากกว่าคือคำว่าเมียกับเพื่อน เมื่อรวมกันแล้วมันเหนือกว่าทุกสิ่ง มันไม่สามารถแยกกันได้ว่าคนไหนเมีย คนไหนเพื่อน บางทีกะเพราก็เป็นเพื่อน ใหม่ก็เป็นเมีย คือในเรื่องต้องบอกว่าเป็นห่วงทั้งสองคน หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่แตกต่างจากหนังทุกเรื่องที่ผ่านมา จะบอกว่าเป็นหนังรักโรแมนติกก็ได้ จะบอกว่าเป็นหนังรักที่ใครก็คาดคิดไม่ถึงก็ได้
Q. มาถึงในส่วนของการคัดเลือกนักแสดงทำไมนางเอกต้องเป็น “ใหม่ เจริญปุระ”
M. นักแสดง ทำไมต้องเป็นใหม่ คือผมว่าใหม่เหมาะที่สุดที่จะเล่นเป็นเพื่อนในเรื่องนี้ เพราะว่าต้องบอกก่อนว่าตัวเองก็เป็นแฟนผลงานของใหม่ แต่ตอนแรกที่แคสท์นักแสดงยังนึกไม่ถึงใหม่นะ ไปนึกได้เอาตอนที่เมียไปร้องคาราโอเกะร้องเพลงใหม่อัลบั้มพุ่มพวง ตอนนี้บทเสร็จแล้วนะ จะเอาใครดีหว่า ชื่อเรื่องก็ยังไม่ได้คิด พอเห็นใหม่แล้วแบบมันโดนเลย ต้องเป็นใหม่ใช่เลย คือถ้าไม่ใช่ใหม่ก็คือไม่ใช่เลย แล้วโดนจริงๆ ในเรื่อง และใหม่เขาก็กล้าเล่นด้วยเล่นเป็นเพื่อนกันได้ ตบหัว ถีบกัน ได้หมด คือในเรื่องนี้ใหม่จะเป็นเหมือนตัวใหม่จริงๆ คือจะเป็นสาวร็อคๆ หน่อย เป็นสไตลิสต์แฟชั่น แม๊กกาซีน แบบของเขาอยู่แล้ว แล้วในเรื่องนี้คือใหม่เขาจะมีหมดเลยทุกอารมณ์ ทั้งเมา เศร้า ซึม ตลก แต่เขาไม่รู้ตัวหรอก สนุกเฮฮา ร่าเริง ซึ่งเหมาะมากกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ใหม่เล่นดีมาก
Q. แล้วถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ใหม่
M. ถ้าเป็นคนอื่นมาเล่นบทนี้ ลุคส์ของหนังจะเปลี่ยนไป มันจะไม่ใช่หม่ำ เป็นหม่ำกับใครก็ไม่รู้ ชื่อก็อาจจะไม่เป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ มานั่งนึกว่า ใหม่กะหม่ำ โดนกะโดน เออ มันใช่ล่ะ ทีนี้มาถึงเมียที่จะเล่นด้วย จะเอาผู้หญิงจริงๆ มาเล่น ผมก็ว่ามันจะไม่มีความแตกต่าง ก็เลยทาบทามโหน่งมาเล่นเป็นเมียไหม โหน่งก็งง ว่าเป็นเมียยังไง ก็คือแต่งผู้หญิงเลย โหน่งก็ว่าเออแปลกดี มันก็ได้เล่นเต็มๆ สักที เพราะมันก็บ่นว่าเล่นหนังผมไม่ได้เต็มๆ สักที มันมากราบเท้าเลยอ่ะ (หัวเราะ) ว่าได้เล่นแบบสมใจมันแล้ว คือตั้งแต่เรื่อง บอดี้การ์ด หรือเรื่องอื่นๆ ก็เอามาแจมๆ เฉยๆ จั๊กกะแหล๋นก็เอามาคลุมหน้าคลุมตา เรื่องนี้ก็ได้เล่นเต็มๆ ล่ะ ซึ่งต้องเป็นโหน่ง เพราะถ้าไม่ใช่โหน่ง หนังก็ไม่มีสีสัน ส่วนตัวผมก็จะนิ่งๆ นะ เป็นคนรักครอบครัวรักเพื่อน เป็นคนที่ไม่ได้ตลกอะไรด้วย แต่มันจะตลก สนุกเวลาที่อยู่ด้วยกัน เกิดสถานการณ์ต่างๆ ตลอด
Q. คนดูจะได้เห็นใหม่ เจริญปุระลุกขึ้นมาทำอะไรหลายๆ อย่างที่รับรองว่าไม่เคยมาก่อนในหนังของผู้กำกับที่ชื่อว่า หม่ำ จ๊กมก
M. ครับก็ตั้งแต่ฉากเมาเลยเมาแล้วเมารั่ว คือหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าใหม่เขาเมาเฉพาะเหล้านะ แต่คล้ายๆกับว่าเขาเมาชีวิตมากกว่า เมาผู้ชาย ซึ่งใหม่ก็เล่นได้ดี เล่นได้ชัดเจน ตัวใหม่เองเขาก็เป็นคนไม่ชอบทานพวกแอลกอฮอล์อยู่แล้ว แต่เขาก็เคยเห็นประสบการณ์จากเพื่อน คือเขาต้องเล่นแบบเมาปลิ้น คือถ้าแบบเพื่อนไปไม่ทันคงโดนผู้ชายอุ้มไปไหนก็ไม่รู้ แต่ว่ามันก็ยังมีสติอยู่ที่เมา เพราะยังโทรหาเพื่อนให้เพื่อนไปรับและคิดดูพอมันเมาปุ๊ปก็ต้องพามันไปนอนที่บ้าน และกะเพราเมียเราก็ต้องไปนอนโซฟาข้างล่าง คนเป็นเมียก็ต้องคิดสิ ว่าเออมาอีกแล้ว เมามาอีกแล้ว จนกะเพราก็ทนไม่ไหว ว่านี่บ้านหรือโรงแรมหรืออะไร ซึ่งตัวใหม่เองก็เล่นได้ค่อนข้างดี ผมว่าใช่เลยคือใหม่ แล้วยิ่งเวลาที่เราให้เขาพูดไดอาล็อคที่มันแปลกๆ คือเป็นภาษาพูดกับเพื่อน อย่างเราก็จะบอกว่า “ไม่ใช่เวลาเล่น มึงยังจะมาพูดเล่นอีก” คือมันไม่ควรไง คือตัวใหม่ได้บทไปเขาก็จะเอาไปอ่านไปท่อง ซึ่งบทของผมถ้าอ่านก็คือจะงง ก็ต้องบอกให้เขาลืมไปเลย เพราะเวลาถ่ายจริง ผมจะเป็นคนที่คิดคำใหม่มาเลย เพื่อให้ออกเป็นธรรมชาติที่สุด หรืออย่างในฉากเลิฟซีน คือเราก็ขำ บางทีไม่มีเสื้อผ้า พอเรานึกอยากพูดอะไรเราก็พูด แต่ใหม่ก็จะติดยิ้ม ติดอะไรของเขาไป พอเราเล่น ก็จะขำ ซึ่งใหม่ก็อาจจะไม่เคยได้ยิน ใหม่ก็จะแหยงๆ หู
Q. ปกติแล้วที่ผ่านมาแทบไม่เคยเห็นใหม่ เจริญปุระในบทรีแล็กซ์ผ่อนคลายสบายๆ เลย จะเห็นบทดราม่าเข้มข้นมากกว่า
M. คือปกติใหม่เขาจะเล่นหนังแต่แบบซีเรียสทั้งนั้น ดราม่าทั้งนั้น เรื่องก็แบบสบายๆ เรื่องแบบที่เขาไม่เคยเห็นกัน แต่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับใหม่นะ เพราะเขาก็ไม่เคยเล่น แต่ก็เล่นแบบสบายๆ ฮาๆ คุณแม่ของคุณใหม่ก็มากองบ่อย ทำกับข้าวอาหารใต้มาบ่อยมาก พอมาถึงซีนอารมณ์ก็สงสารใหม่เขาเหมือนกัน คือ มีซีนหนึ่ง เป็นซีนที่เราเลี้ยงลูก ก็เป็นซีนที่ใหม่ต้องคิดว่านี่หรือคนที่โดนสำหรับเรา ใช่เหรอ เลยทำให้เราคิดว่า เราเนี่ยะเป็นห่วงมันขนาดนี้แต่มันยังมาคิดอะไรอีก ที่ใหม่เขาจะต้องนั่งมองเราและก็ยิ้มซึ่งรับรองว่าคนดูจะอินไปกับหนัง
Q. มั่นใจได้อย่างไรว่าพี่ใหม่จะถ่ายทอดและเล่นออกมาได้อย่างที่เราต้องการ
M. คือใหม่เขาเป็นมืออาชีพ ต้องทำได้ กว่าจะเล่นก็ไปนั่งคุยกับใหม่เขา 2-3 รอบนะ ถามเขาว่าใหม่เคยมีเพื่อนไหม เพื่อนสนิท ที่แบบ เฮ้ย มึงเป็นไงบ้างวะ เอาแบบนั้นเลยคนนั้นเลยนะ ใหม่เคยถีบเพื่อน เตะเพื่อนไหม เอาแบบนั้นเลยนะใหม่ แล้วในเรื่องนี่ตบหนักด้วยนะ (หัวเราะ) เป็นซีนที่อยู่ในเธค ที่เราเมา ตบเปี๊ยะๆ คืออยู่ในผับไง ก็แบบ มึงไม่ต้องคิดมาก กูเจ็บมาเยอะ มันตบซะจนแบบลืมตัว ส่วนอีกซีนหนึ่ง คือ เอาขวดตีหัว มันใช่เวลาเล่นของมึงหรอไอ้หม่ำ คนจะขำเลยล่ะ เสียงดังสนั่นเลยล่ะ ขวดพลาสติกนะ ผมว่าเรื่องนี้ใหม่เล่นดีกว่าที่เราคิดไว้ ทีแรกกลัวก็ตรงที่ว่าจะไม่กลมกลืนในการถ่ายทอดความเป็นเพื่อนนี่แหละ เพราะว่ามันต้องสนิทกันจริงๆ แต่พอถ่ายวันแรกก็โอเคเลย หายห่วงเลย ซีนแรกนะ ซีนที่ขึ้นบันได กอดคอกันที่เมามาแล้วต้องพาใหม่ขึ้นไปนอนบนบ้าน
Q. ได้ข่าวมาว่ามีเกิดอุบัติเหตุเจ็บเนื้อเจ็บตัวกันด้วยในฉากเมา เป็นไงมาไงแล้วใครกันที่เจ็บตัว
M. คือซีนที่ถอดรองเท้า คือมันลื่น หงายตึ้งไปเลย ดีหัวไม่น็อค ก็ขำ ตลกตัวเองอยู่เหมือนกัน ตากล้องก็ขำกัน ก็ยังถ่ายต่อนะ ถ่ายต่อจนจบ แต่ทีมงานนี่ขำกันแล้ว มันดังตึ๊บเลยไง จุกก็จุก ก็คือในเรื่องเป็นฉากที่เราเมา เป็นคนเมาไง ไม่มีสติ คือทำอะไรแบบพิลึกๆ ซีนนี้ก็เป็นซีนที่เล่นสดเหมือนกันนะ ก็ตั้งใจใส่กันเต็ม แต่ดีที่ใหม่เขายังตามทัน ไอ้เราก็ลื่นหัวคะมำไปหงายหลังเรียบร้อย จนอีกวันที่ถ่ายก็ต้องให้ทีมงานหาหมอมานวดให้ก็กำกับไปนวดเส้นไป (หัวเราะ)
Q. ตรงไหนที่ทำให้เราเชื่อมั่นว่าทำได้จาก บท แอคติ้ง แววตาหรือทุกเรื่องเลย เพราะย้อนหลังกลับไป 15 ปีพี่ใหม่ไม่ได้เล่นคอมิดี้เลย
M. ผมว่าใหม่เป็นคนเข้าใจง่ายนะ ผมว่าใหม่ทำได้นะ ในหนังแนวตลกๆ กุ๊กกิ๊กๆ เพราะว่าใหม่เป็นคนที่มีฝีมืออยู่แล้ว ผมว่าเรื่องแค่นี้จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับใหม่ ก็ต้องทำความเข้าใจกับเขา ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมก็ได้คุยต้องให้เขาเข้าใจก่อนว่าเป็นเพื่อนกัน และมีเรื่องอะไรหรือกิจกรรมอะไรบ้างที่ต้องทำร่วมกัน ต้องบอกว่าเราอยู่ด้วยกันแบบสนิทสนมกันมากๆ คือทุกครั้งที่มีเราอยู่ก็คือช่วงที่เพื่อนมีปัญหาตลอด ทุกเรื่องตั้งแต่เด็กจนโต เขาก็เริ่มเข้าใจๆ เขามืออาชีพนะ
Q. สำหรับในส่วนของตัวละครที่เป็นเมีย ซึ่งเล่นโดยโหน่ง ชะชะช่า
M. คือเรื่องนี้ต้องบอกโหน่งก่อน ว่าต้องเป็นผู้หญิงจริงๆ นะ ไม่ใช่กะเทยนะ ต้องเล่นให้เชื่อให้ได้ว่าเป็นผู้หญิง จะเล่นแบบชิงร้อยไม่เอานะ เล่นสวยนะเอาแบบสวยเลย พี่ก็เล่นเป็นผัวจริงๆ ด้วย ก็บอกให้เขาเข้าใจ โหน่งก็โอเค มีร้องไห้ มีหลายอย่าง ต้องไปดูในหนัง ซึ่งตัวละครกะเพราตัวนี้มันจะต้องใช้อารมณ์มากๆ ในเรื่องความเป็นห่วงเป็นใยผัว ห่วงครอบครัวมันเป็นเรื่องใหญ่นะ โหน่งก็บอกได้พี่ๆ ทำได้ ก็ลองถ่าย เขาก็โอเคนะ เป็นเหมือนเมียจริงๆ เลย แล้วเราก็รู้สึกนะ ตอนที่นั่งตัดหนัง ช่วงที่เขานั่งรอผัว และคิดว่าผัวเข้าใจเราผิดเรื่องอะไร ซีนนี้โหน่งเล่นดีมากเลย สงสารโหน่งเลย หัวอกผู้หญิงที่รอผัวซึ่งไม่รู้ด้วยว่าผัวเป็นอะไรไม่ยอมกลับบ้าน แค่ไปเห็นภาพอะไรที่มันแบบไม่ใช่ ทั้งๆ ที่เขาจะอธิบายแต่เรากลับไม่ฟัง และไปขอเลิกเขาเลย ผู้หญิงเขารับไม่ได้นะ คำว่าเลิก สุดท้ายเขาก็เก็บอารมณ์ไม่อยู่ โหน่งก็เล่นดีมากเรื่องนี้ แล้วต้องบอกว่าอุปสรรคสำคัญในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่กะหม่ำ คือการที่ต้องถ่ายทำในช่วงหน้าร้อน เดือนมีนา เมษา แล้วโหน่งเขาต้องแต่งหน้าเยอะ พอเหงื่ออกขอบตามันก็ไหล ช้าตรงที่แต่งตัวนี่แหละที่ต้องทำให้โหน่งสวยด้วย พอเหงื่อไหลมันเลอะก็ต้องไปแต่งใหม่อีกเป็นชั่วโมง เรื่องเล็บเรื่องอะไรอีก ที่ต้องทำให้มันดูเหมือนผู้หญิง ต้องทำให้ได้ว่าเขาไม่ใช่กะเทยนะ ต้องให้รักเหมือนผู้หญิง สงสาร มันจะลำบากอีตรงนี้แหละ แล้วต้องบอกว่าเรื่องนี้จะเปลี่ยนคาแรคเตอร์จากเรื่องอื่นๆ ที่โหน่งเคยเล่นมา มันคนละอย่างกัน มันเหมือนหนังชีวิตเลยนะ ที่ผัวไม่เข้าใจ ในแบบฉบับบของผมนะ ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังอุ่นๆ ความฮามันมีอยู่แล้วแหละ แล้วหนังเรื่องนี้เป็นหนังอารมณ์ด้วย ถ้าฮาก็คือฮาด้วยอารมณ์ของหนังของเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวละคร
Q. มีหม่ำมีโหน่งแล้วก็ต้องมีเท่ง เถิดเทิงขาดไม่ได้เลย
M. เท่งที่มาในเรื่องนี้ก็ไม่เหมือนกับทุกๆ เรื่อง ซึ่งต้องไปคอยดูในหนังว่าเขาเป็นอะไร ตอนแรกคนจะไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นอะไร แต่พอเฉลยจะรู้ อยากให้คอยจับตาดูเวลาที่เท่งกับโหน่งเข้าซีนด้วยกัน มันจะเล่นหลุดกันสองคน แต่ก็ปล่อยให้เขาเล่นไปก่อน แล้วค่อยไปว่ากัน มันก็เล่นของมันไปเรื่อย (หัวเราะ) ไม่ห่วงคนตัดต่อ หรือใครหรอก เหมือนว่ามันอยู่ของมันสองคน แต่พอมาตัดเป็นภาพรวมแล้วก็โอเค อุ่นๆ ในเรื่องความมีมนุษยสัมพันธ์ ที่เป็นตัวตนของเท่ง ก็ต้องไปชมกัน
Q. มีนักแสดงที่มาร่วมสร้างสีสันให้กับตัวละครในหนังใหม่กะหม่ำ โดนกะโดนอีกหลายๆ คนเลยทีเดียว
M. ในเรื่องก็จะมีพี่ชลิต จะเป็นบอสของคุณใหม่ ซึ่งทำงานเกี่ยวกับพวกโฆษณา จะฮาตรงพี่ตุ่ม และจะมีดางรุ่งอีกคนนะ ชื่อ บิวตี้ (โฆษณากาแฟเนเจอร์กีฟ) ก็จะฮา เป็นเลขาของพี่ตุ่ม (ชลิต เฟื่องอารมณ์) ซึ่งพี่ตุ่มก็ไม่ต้องบอกอะไรแกมาก คุณปั๋งประกาศิต โบสุวรรณ ซึ่งเรื่องนี้ก็จะเอาตัวจริงของคุณปั๋งมาเลยล่ะ มาเป็นตากล้อง ซึ่งก็เข้าทางเขา เป็นทางเขาอยู่แล้ว ปั๋ง ประกาศิต แล้วทั้ง3คนในพาร์ทของฝั่งออฟฟิศใหม่ผมว่า คือ พี่ตุ่ม ปั๋ง และบิวตี้ คือจะเป็นอะไรที่เข้าขากันดี และเข้ากับใหม่ด้วยอีกคนหนึ่ง คือเหมือนจูนกันมาแบบชัดเจนมากเลย ซึ่งเป็นซีนในสตูดิโอเป็นซีนอารมณ์ ก็โอเค ส่วนพ่อแม่ของใหม่รับบทโดยแม่แดง และพ่อดม (อุดม ชวนชื่น) แม่แดง (ฉันทนา กิติยพันธ์) ก็เคยร่วมงานในวงษ์คำเหลามาแล้ว แกก็เข้าใจงาน เวลาแกเล่นก็จะยิ้มไปด้วยตลกไปด้วย คือคำไม่น่าพูดผมก็ให้แกพูดไง ซึ่งบางทีก็ถามว่าเอ๊ะ หม่ำคำนี้แปลว่าอะไรคืออะไร แต่แกก็แล่นได้ โอเค พ่อดมก็นิ่งๆ เล่นเป็นพ่อ
Q. ทราบมาว่าเรื่องนี้พี่หม่ำมีต้องเล่นกับเด็กและกำกับเด็กด้วย
M. ต้องมีถ่ายกับเด็ก คือโดยปกติ เวลาผมถ่ายหรือทำงานกับเด็กคือเราจะเป็นคนหงุดหงิดไง ก็จะให้ผู้ช่วยเขาคอยประกบ โดยเรามีความต้องการอยู่ในหัวแล้วว่าอยากได้อารมณ์เป็นแบบนี้ๆ ก็เหมือนกับเล่นกับงู กับหมา อย่างเด็กเขาก็ไม่รู้เรื่อง บางทีก็อยากเล่นแบบชองเขา อยากกินนม ก็ไปว่าเขาไม่ได้ เพราะเขาเป็นเด็ก เลยให้ทีมผู้ช่วยเขาคอยประกบ คอยตะล่อม ก็โอเค ซึ่งในหนังก็จะมีเด็กหลายแบบ หลายช่วงอายุอย่างเด็กเล็กๆ และ 4-5 ขวบ เด็ก 4-5 ขวบเนี่ยะแหละตัวดี กำลังซนเลยล่ะ
Q. คิดว่าเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ตรงไหน อย่างไร และตอนที่เริ่มต้นคิดโปรเจ็คต์หนังเรื่องนี้ขึ้นมา อะไรคือสิ่งที่อยากให้คนดูได้รับจากการชมภาพยนตร์เรื่องนี้
M. ผมมองว่าเป็นเรื่องของความรักมากกว่า ความรักกับเพื่อน รักกับครอบครัวและภรรยา เสน่ห์มันอยู่ตรงนี้แหละ ถ้าใครมีเพื่อนที่รัก อย่าพลาด และเป็นคนที่รักครอบครัวด้วย อย่าพลาดเรื่องนี้ และใครที่เป็นคนคิดมาก พยายามปรับความเข้าใจซะกับครอบครัว เพราะมันอาจจะไม่เป็นแบบนั้นก็ได้ ส่วนถ้าเป็นเรื่องที่อยากจะให้คนดูได้รับจากหนังเรื่องนี้ เป็นเรื่องของความอบอุ่น ของครอบครัว ของคำว่าเพื่อน ที่มีต่อเพื่อน ที่ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อนให้ได้ เพื่อนจะตายยังจะตายกับเพื่อน โดยที่ไม่ห่วงเมียด้วย คิดดูว่าจะทำยังงั้นทำไม เพราะถ้าทำแบบนั้น กูก็ไม่มีเพื่อนแล้ว ชีวิตนี้ก็มีเพื่อนอยู่คนเดียว ถ้ามึงเป็นอะไรก็ขอเป็นด้วยดีกว่า คือเวลาคนที่มีปัญหาจริงๆ คนที่คิดถึงก็คือเพื่อนนะ พ่อแม่นี่มักจะมาทีหลังนะ นี่คือเรื่องจริงของคนเลยนะ จะต้องเป็นเพื่อนที่เราสนิทและเรารักมากๆ ผมว่าเป็นเรื่องจริง เหมือนกัน ตอนวัยรุ่นมีปัญหาก็มักจะคุยกับเพื่อนก่อน คือมันเป็นปัญหาของเรา ไม่ใช่ของพ่อแม่ ผมว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆนะ ก็อย่างในหนังขนาดตอนคลอด เราก็ยัอยู่เป็นเพื่อนตลอด เรารู้สึกว่ามันคือเพื่อน และก็จับมือมันให้มันเบ่ง อยู่เคียงข้างตลอด และพ่อแม่มันก็มาไม่ทันด้วย เหมือนกับว่าเราเนี่ยะเป็นทุกอย่างสำหรับมันในตอนนั้นเลยละ และมันก็พูดตลอดว่า หม่ำอย่าทิ้งกู อย่าไปไหนนะ
Q. มาถึงตรงนี้ยังยืนยันว่าเป็นหนังตลกที่มีสัดส่วนในเรื่องการถ่ายทอดอารมณ์ที่มันอุ่นๆ ซึ้งๆ ตีตื่นขึ้นมาเยอะกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ที่เคยทำ
M. คือเรื่องจะเป็นยังไง เราก็ยังไม่ลืมตัวเราด้วย คือก็ต้องมีแปะหัวแปะหน้าไว้ เป็นนิสัยไง เพราะไม่อยากให้คนซีเรียส เครียด ถึงบอกว่าทำหนังเครียดไม่เป็น และหนังรักแบบดราม่าก็ทำไม่เป็นหรอก แต่ก็ไม่แน่นะ เพราะเริ่มๆ มาล่ะ เริ่มจะเปลี่ยนแนว ยกตัวอย่างซีนคลอดลูก ซึ่งใหม่ก็ต้องใช้อารมณ์มากๆ คือเขาต้องรู้สึกว่าเขาคลอดลูกจริงๆ นึกถึงตอนที่เราแบบปวดท้อง เจ็บท้อง ก็บอกว่าให้ใหม่ลองนึกเอาล่ะกัน เพราะพี่ก็ไม่เคยท้องเหมือนกัน (หัวเราะ) ทีนี่มันก็จะมีซีนตลกๆที่สอดแทรก คือในฉากนี้เรามีพี่ค่อมมารับเชิญเป็นซีนที่เกิดขึ้นในห้องคลอด
Q. อารมณ์ประมาณว่าดราม่า แต่พี่หม่ำก็ไม่วายที่จะสอดแทรกมุกแก๊กขำๆ ในแต่ละฉากด้วย
M. ครับ อารมณ์ผมก็ยังขำ แล้วมันทิ้งไม่ได้อยู่แล้ว เพราะมันจะต่อเนื่องกับซีนที่เราจะเล่าเส้นเรื่องในส่วนของตัวละครกะเพราด้วย คือเล่าเรื่องของตัวละครทั้งสาม จุดพลิกผันของตัวละคร และก็พยายามจะใส่มุกใส่แก๊ก คือซีนนี้คนดูจะขำไปด้วยสงสารไปด้วย แล้วเราต้องเล่นด้วยและต้องกำกับด้วยซึ่งสำหรับซีนนี้ คืออันนี้ผมว่าก็ฮามาก คือเราก็บอกใหม่ๆ ลองเบ่งๆ ดู ใหม่ก็บอก พี่หนูไม่เคยมีลูก พี่ก็บอกลองนึกเอา คือปกติทุกซีน เราสามารถเล่นแทนให้ดูก่อนได้ แต่มาเป็นซีนคลอดลูก เรานึกไม่ออก ไม่เคยท้อง แต่ใหม่ก็เล่นออกมาได้ดี
Q. พูดถึงสไตล์การกำกับภาพยนตร์แต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่อย่างพี่หม่ำเป็นนักแสดงมาก่อน และเป็นนักแสดงตลกด้วยก็จะให้น้ำหนักในการกำกับทั้งในส่วนของภาพรวมของหนังและการกำกับการแสดง
M. คือทุกเรื่องที่ผมกำกับ ผมจะเล่นให้นักแสดงดูก่อน เป็นเรื่องปกติของผมนะ อยากให้เขาเล่นในแบบที่ผมอยากได้ แต่ถามว่าผมต้องเหนื่อย 2- 3 เท่า เพราะผมก็ต้องกลับไปนั่งดูมอนิเตอร์ด้วย แต่มันก็เป็นอะไรที่ผมชอบไง เพราะผมเป็นคนที่ชอบดูหนัง บางทีมานั่งนึกยังอายเลย คิดดู ไปเล่นให้พี่ชลิตดู สอนพี่ตุ่มเป็นกะเทย (หัวเราะ)
Q. นั่นเป็นเพราะความสนใจใส่ใจของเรา
M. คือมันไม่ได้เป็นเรื่องของความใส่ใจหรอก แต่มันเป็นเรื่องของความคิดความรู้สึกที่เรามีต่อภาพยนตร์มากกว่า เราเป็นดารามาก่อนเป็นตลก เป็นพิธีกร เลยเป็นเรื่องที่เราได้เปรียบ และชอบดูหนังด้วย พอมาทำเลยทำให้เรารู้สึกได้ว่ามันเป็นฟิล์ม มันไม่ชิงร้อย ไม่ใช่บิ๊กหม่ำ ก็ต้องแยกแยะออกให้ถูก
Q. ทั้งๆที่ตัวเราเองก็ไม่ได้ร่ำเรียนมาทางด้านนี้
M. จริงๆ แล้วผมว่าคนที่เรียนหรือไม่ได้เรียนภาพยนตร์มา ผู้กำกับหลายๆ คนก็ไม่ได้เรียนด้านนี้มา แต่มันเป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่า ว่ามันต้องเป็นแบบนี้ๆ เราก็รู้สึกได้เพราะเราเป็นคนดูหนัง ผมว่าผมไม่เข้าใจวิธีการมันนิดๆ หน่อยๆ แค่นั้นเอง นอกนั้นก็เรื่มๆ เข้าใจใช้คำใช้ภาษาไม่ถูกแค่นั้นเอง แต่พอเราเลาให้ทีมงานฟังเขาก็จะเข้าใจผม เพราะเราก็ใฝ่ที่จะเรียนรู้อยู่แล้ว คนอยากได้เรียนรู้ กับ คนไม่อยากเรียนรู้มันก็ต่างกัน คือมันต้องคิดไว้ก่อนแล้วตั้งแต่ก่อนที่จะเปิดกล้องถ่ายทำ บทเสร็จปั๊บ เราต้องรู้ว่ากล้องตรงไหน ภาพยังไง เราไม่รู้เรื่องการจัดแสง แต่ก็บอกได้ว่าเราอยากได้แสงประมาณไหน อารมณ์ของแสงแบบไหน ก็เอาแบบหนังเรื่องนี้ เราก็เอาหนังมาให้เขาดู โทนหนังแบบนี้ก็ต้องใช้แสงแบบนี้อย่างหนังเรื่องนี้ก็ต้องเป็นแสงแบบอุ่นๆ เพราะเป็นความรักของเพื่อน กับความรักครอบครัว ขาวๆ ฟ้าๆ ไหม มันก็ต้องมีในหัวเราด้วย รวมไปถึงโทนลุคส์สีสันของเสื้อผ้า ผมต้องบอกฝ่ายเสื้อผ้าว่า ใหม่เขาเป็นคนร็อคๆ ก็เอาเสื้อผ้าแบบตัวตนเขาเลย ให้เป็นปัจจุบันของเขา ให้เขาเอาชุดเขามาเลย เรื่องเสื้อผ้าจะได้ไม่ต้องพะวง แต่ส่วนกะเพราคือต้องเวอร์ขึ้นมา เป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างตัวใหญ่ เสื้อผ้าก็ต้องแนวบราซิล จาไมก้าหน่อยไหม แตกต่างจากความเป็นจริง ส่วนผมก็จะเป็นแบบเรียบๆ ทำงานเป็นไกด์ เสื้อผ้าก็ไม่ต้องเน้นมาก กางเกงขาสั้นใส่หมวกหน่อยหนึ่ง เพื่อเปลี่ยนลุคส์บ้าง เพราะหนังเรื่องอื่นผมของผมสั้นไง ทุกอย่างก็พยายามที่จะสื่อจะถ่ายทอดออกไปให้ดีที่สุด ลงตัวที่สุด สื่อความหมายให้คนดูเข้าใจ อย่างลายเสื้อของเราที่เป็นไกด์ก็จะมีลายยีราฟ ดูแล้วก็เหมือนตัวเราด้วย ก็ต้องไปดูเอาว่าลายเสื้อ ที่เป็นลายไพ่กับยีราฟ มันมีความหมายยังไงในหนัง เพราะจะอยู่ในเหตุการณ์ในฉากที่แตกต่างกัน ก็เล็กๆ น้อยๆ อะไรที่เราคิดได้ทำได้ เราก็พยายามเต็มที่
Q. ท้ายนี้ก็อยากให้ฝากผลงานด้วย
M. ก็อย่าลืมนะครับ วันที่ 23 มิถุนายน ไปชมกันครับ อุ่นๆ ใสๆ ฮาๆ แบบฉบับของเพื่อน เรื่อง ใหม่กะหม่ำ โดนกะโดนครับ