กรุงเทพฯ--28 มิ.ย.--สมาคมประกันวินาศภัย
สมาคมประกันวินาศภัย ออกแคมเปญประชาสัมพันธ์โครงการ “บ๊าย บาย สติ๊กเกอร์” หวังให้ประชาชนผู้ขับขี่และใช้รถ เข้าใจพ.ร.บ.ฉบับใหม่ที่ ยกเลิกกับติดสติ๊กเกอร์กรมธรรม์ไว้หน้ารถ มั่นใจทุกฝ่ายเข้าใจและจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
นางจันทรา บูรณฤกษ์ อธิบดีกรมการประกันภัย กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ขับขี่รถหรือผู้ใช้รถบางส่วน ยังไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องในยกเลิกการการติดสติ๊เกอร์หน้ารถ จนทำให้เกิดความคลาดเคลื่อน โดยเฉพาะในเรื่องการทำกรมธรรม์ประกันภัยอยู่ ซึ่งทางกรมประกันภัย และ สมาคมประกันวินาศภัย เห็นว่าควรเร่งทำความเข้าใจกับผู้ขับขี่และผู้ใช้รถให้มีความเข้าใจในเรื่องดังกล่าว ก่อนที่จะมีการเริ่มใช้กรมธรรม์รูปแบบ โดยทางกรมฯได้ประสานงานไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของกรมการประกันภัย กรมการขนส่งทางบก สมาคมประกันวินาศภัย รวมไปถึงสำนักงานตำรวจ เพื่อทำความเข้าใจและชี้แจงรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับ ให้มีความเข้าใจพ.ร.บ.ฉบับนี้ตรงกัน
นอกจากนี้ยังเห็นว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่สมาคมฯ ได้จัดทำโครงการ บายบาย สติ๊กเกอร์ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์อีกทางหนึ่ง ให้เกิดการรับรู้และกระตุ้นให้ประชาชนผู้ที่เกี่ยวข้องมีเข้าใจมากขึ้น
นายนพดล เรืองจินดา ประธานคณะอนุกรรมการประกันภัยยานยนต์ กล่าวแนะนำประชาชนและเจ้าของรถหลังจากที่มีการยกเลิกการติดสติ๊กเกอร์ ว่า เจ้าของรถยังคงต้องติดต่อของซื้อกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ตามพ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถกับบริษัทประกันวินาศภัย หรือตัวแทนเช่นที่เคยปฏิบัติมา และเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างสะดวก จึงขอความร่วมมือให้ติดต่อซื้อกรมธรรม์ ให้ตรงกับวันสิ้นอายุภาษีรถยนต์ด้วย เพื่อง่ายต่อและสะดวกในการต่อทะเบียบภาษีรถกับกรมขนส่งทางบก
นอกจากนี้ผู้ขับขี่ให้ และใช้รถควรเก็บหลักฐาน หลังจากที่ได้ดำเนินการซื้อกรมธรรม์ประกันภัยไว้ในรถ หากมีการขอตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะสามารถแสดงได้ตลอดเวลา และเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้เอาประกัน ทางภาคธุรกิจประกันภัยได้พัฒนาระบบการเรียกร้องค่าเสียหายเบื้องต้น สำหรับโรงพยาบาลที่จะเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทประกันภัยโดยตรง แค่เพียงแจ้งชื่อบริษัทประกันภัย และหมายเลขกรมธรรม์ของเจ้าของรถ โดยผู้ประสบภัยไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล
นางนวลพรรณ ลำซ่ำ ประธานคณะอนุกรรมการประกันภัยสัมพันธ์ กล่าวว่า สมาคมประกันวินาศภัย ตระหนักและให้ความสำคัญมาก ในเรื่องการให้ความรู้และทำความเข้าใจกับประชาชน ผู้ขับขี่และใช้รถ ในเรื่องการยกเลิกเครื่องหมายแสดงว่ามีประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยจากรถ (สติ๊กเกอร์) ตาม พร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2550 ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน จึงได้จัดทำ โครงการ บายบาย สติ๊กเกอร์ ขึ้น เพื่อกระตุ้น และย้ำเตือนให้ผู้ขับขี่และใช้รถ ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ใหม่ที่กำหนดไว้ ว่า ผู้ขับขี่และผู้ใช่รถ ไม่ต้องติดสติ๊กเกอร์กรมธรรม์ ไว้หน้ารถอีกแล้ว แต่ยังคงต้องทำกรมธรรม์อยู่ และยังต้องเก็บหลักฐานการทำกรมธรรม์ไว้ในรถ เพื่อพร้อมแสดงต่อเจ้าหน้าที่ทุกครั้งที่ใช้รถ ซึ่งถือเป็นภาระกิจแรกที่ต้องแรกดำเนินการ
สำหรับการเปิดตัวโครงการ ในวันนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ได้รับเกียรติ จากกรมการประกันภัย กรมขนส่งทางบก และสำนักงานตำรวจ มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจถึงรายละเอียดของการยกเลิกการติดสติ๊เกอร์ และรายละเอียดของพ.ร.บ.ฉบับแก้ไขใหม่ด้วย ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจมากขึ้น
ทั้งนี้โครงการประชาสัมพันธ์มีระยะเวลา 3 เดือน ที่จะมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และแผ่นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ตามจุดต่างๆ รวมไปถึงการใช้เพลง รถไม่ติด ซึ่งเป็นการแปลงเนื้อเพลงจาก เพลงหมีแพนด้า มาเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ครั้งนี้ด้วย เพื่อให้ประชาชนที่ขับขี่และใช้รถได้รับทราบและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ได้ประสานงานกับสำนักงานตำรวจ เพื่อเดินทางไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับพ.ร.บ.ฉบับนี้ รวมไปถึงรูปแบบของกรมธรรม์แบบใหม่กับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอีก 6 แห่ง ที่ ชลบุรี ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี สงขลา นครสวรรค์ และเชียงใหม่
พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส รักษาการผู้บัญชาการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หลังจากรับทราบข้อมูลจากกรมการประกันภัยและสมาคมประกันวินาศภัย ในรายละเอียดดังกล่าวแล้ว ได้แจ้งให้ผู้บัญคับบัญชาตำรวจจารจรทุกพื้นที่ ได้รับทราบข้อมูลต่อไป เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน รวมทั้งจะช่วนประชาสัมพันธ์ผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรให้การความรู้กับประชาชนด้วย
อย่างไรก็ตามเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าเป็นไปได้ด้วยดี ก็ขอให้ประชาชนผู้ขับขี่รถ ยังคงเก็บหลักฐานกรมธรรม์ประกันภัยไว้ในรถต่อไปก่อน หากเจ้าหน้าที่ตำรวจขอเรียกดูหลักฐาน จะได้สามารถแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ทันที อีกทั้งยืนยันว่า การไม่ติดสติ๊กเกอร์ประกันภัย ไม่ผิดกฎหมายและตำรวจไม่สามารถเอาผิดได้