กรุงเทพฯ--3 มิ.ย.--โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์
โนเบิลฯ เปิดตัว “โนเบิล เพลินจิต” คอนโดมิเนียมระฟ้าคอนเซปต์เมืองแนวสูงบนพื้นที่ 9 ไร่ผืนสุดท้ายใจกลางเมืองเพลินจิต มูลค่าขายกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท
พร้อมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการอสังหาฯ อีกครั้งเมื่อ โนเบิลฯ เนรมิตที่ดินผืนที่แพงที่สุดในประเทศไทยกลางแยกเพลินจิตให้กลายเป็นโครงการ “โนเบิล เพลินจิต” โครงการคอนโดมิเนียมตอบรับการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ใจกลางเมืองเพลินจิตเริ่มเปิดให้เข้าชมห้องตัวอย่างพร้อมลงทะเบียนรับสิทธิ์จอง วันที่ 2-17 มิถุนายน 2554 ที่สำนักงานขายติดบีทีเอสเพลินจิตเปิดให้จองวันที่19 มิถุนายน 2554 เพียงวันเดียว ที่รอยัล พารากอนฮอลล์
นายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงการโนเบิล เพลินจิต”
เป็นโครงการที่พักอาศัยติดสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิต ที่ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อตอบรับรูปแบบการใช้ชีวิตคนเมืองด้วยสถาปัตยกรรมแนวมินิมอลลิสต์ (Minimalism) อันเป็นเอกลักษณ์ในสไตล์โนเบิล บนพื้นที่กว่า 9 ไร่ ประกอบด้วยอาคารที่พักอาศัย 3 อาคารสูง50 ชั้น, 45 ชั้น และ 14 ชั้น จำนวนทั้งสิ้น 1,442 ยูนิต อาคารสำนักงาน 1 อาคาร สูง 3 ชั้น โดยที่มีขนาดของยูนิตพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ 1 ห้องนอน 40 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้นเพียง 5.9 ล้านบาท หรือ 148,000 บาทต่อตารางเมตร จนถึงขนาดสองห้องนอน, สามห้องนอน และเพนท์เฮ้าส์พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว
สำหรับรายละเอียดจุดเด่นโครงการ โนเบิล เพลินจิต นั้น ทางโครงการได้นำเสนอรูปแบบการใช้สเปซที่สร้างความเป็นส่วนตัวสูงสุดด้วย “Private Lift” สำหรับทุกยูนิต ซึ่งผู้อยู่อาศัยทุกคนสามารถที่จะก้าวเข้าสู่ยูนิตของตนโดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินผ่านทางเดินส่วนกลาง และนอกจากนั้นโครงการยังได้ใช้ระบบปรับอากาศความเย็นแบบใหม่ระบบไร้เสียง “Central water cooled system”ที่ช่วยลดความร้อน และประหยัดพลังงานให้กับผู้อยู่อาศัยอีกด้วย ซึ่งระบบปรับอากาศดังกล่าวนี้ยังสามารถช่วยทำให้โครงการออกแบบกระจกได้กว้างจากพื้นจรดเพดานโดยปราศจากเครื่องระบายความร้อน ทำให้สัมผัสถึงระเบียงกว้างไร้สิ่งกีดขวางสายตาและสำหรับรายละเอียดด้านอื่นๆ พื้นที่โครงการจะแวดล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กว่า 4 ไร่ มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่มีความยาวเกือบ 50 เมตร พร้อมฟิตเนส และคลับเฮ้าส์ขนาดใหญ่อีกด้วย”
นายกิตติยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ในอีกเพียงไม่กี่ปีข้างหน้าแยกถนนเพลินจิตจะกลายเป็นเมืองคอนเซปต์ใหม่ใจกลางกรุงเทพฯหรือที่เราอาจเรียกได้ว่า เป็น Vertical Garden City หรือ เมืองแนวสูงที่เน้นประสิทธิภาพในการใช้ที่ดินสูงสุด และสามารถลดเวลาในการเดินทางโดยผู้อยู่อาศัยสามารถใช้ชีวิตอยู่ใจกลางย่านธุรกิจการค้า ที่เกาะติดเชื่อมโยงกับ ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่เป็นแฟลคชิบของกลุ่มเซ็นทรัล คือ Central Embassy, โรงแรม Park Hyatt, โรงแรม Okura, Park Venture Office และรวมถึงกลุ่มอาคารอื่นๆ ที่ยาวต่อเนื่องไปจนตลอดถนนวิทยุ จนกล่าวได้ว่า ย่านนี้จะกลายเป็นย่านเศรษฐกิจแห่งใหม่ของโลกเหมือนโครงการ“La Defense” ที่ปารีส, โครงการ “Canary Wharf” ที่ลอนดอน หรือ โครงการ “Roppongi Hills” ที่โตเกียว ถือเป็นการปฏิวัติรูปแบบการใช้ชีวิตในวิถีชีวิตคนเมืองในอนาคต ซึ่งลูกค้าผู้สนใจสามารถเริ่มลงทะเบียนรับสิทธ์จองพร้อมชมห้องตัวอย่างได้ที่สำนักงานขายติดสถานีบีทีเอสเพลินจิต ตั้งแต่ 2-17 มิถุนายนนี้”