กรุงเทพฯ--4 มิ.ย.--ตลท.
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและบริษัทจดทะเบียนชั้นนำ ทั้ง 12 บริษัท ซึ่งเดินทางไปร่วมงาน “Thailand Corporate Global Road Show 2007 ระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม — 3 มิถุนายน 2550 ตามคำเชิญของบริษัทหลักทรัพย์ เครดิต สวิส (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับความสนใจและการตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้บริหารระดับสูงของกองทุน ผู้จัดการกองทุน และนักลงทุนสถาบันใน ประเทศสิงคโปร์ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และนครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีผู้จัดการกองทุน และนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ 75 ราย แบ่งเป็นที่สิงคโปร์ 31 แห่ง ลอนดอน 25 แห่ง และที่นิวยอร์ก19..แห่ง ผู้ลงทุนสถาบันทั้งหมดมีมูลค่ากองทุนกว่า 17.5 ล้านล้านบาท (ประมาณ 500 พันล้านเหรียญสหรัฐ) เข้ารับฟังข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจการลงทุนของประเทศไทย แนวทางการพัฒนาตลาดทุนไทย และข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน
นางภัทรียากล่าวเพิ่มเติมว่า การไปโรดโชว์ครั้งนี้เป็นการไปนำเสนอข้อมูลเป้าหมายและทิศทางการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทในเครือ และตอบข้อซักถามของผู้ลงทุนทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และนโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาตลาดทุน รวมทั้ง การดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน เพื่อให้ผู้ลงทุนสถาบันได้มีข้อมูลโดยตรงจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทจดทะเบียนที่ไปร่วมให้ข้อมูลทั้ง 12 แห่ง และในโอกาสนี้ ยังเป็นโอกาสในการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสินค้าใหม่ซึ่งจะเริ่มซื้อขายในไตรมาส 3 คือ ETF และ SET50 INDEX OPTIONS ด้วย
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้รับทราบประเด็นที่ผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศให้ความสนใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานเพื่อเพิ่มความน่าสนใจแก่ตลาดทุนไทย สำหรับประเด็นที่ผู้ลงทุนสถาบันในต่างประเทศสอบถามและให้ความสำคัญ ได้แก่ เรื่องของการปรับปรุงสภาพคล่องของหลักทรัพย์ ระบบส่งคำสั่งซื้อขายตรงหรือ DMA ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนสถาบัน ความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคและการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึง การเข้าจดทะเบียนของบริษัทขนาดใหญ่ รวมทั้ง ยังต้องการให้มีการเสนอข้อมูลของบริษัทที่ขนาดมาร์เก็ตแคปเล็กหรือขนาดกลางเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันต่างประเทศรับรู้ว่าตลาดหุ้นไทยยังเป็นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนเนื่องจากมีค่าพี/อี ที่ต่ำอยู่ อีกทั้งบริษัทจดทะเบียนไทยมีความสามารถในการจ่ายปันผลสูงและมีหุ้นพื้นฐานดีจำนวนมากที่จะสามารถเลือกลงทุนระยะยาวได้ โดยธุรกิจหมวดธนาคาร นับเป็นธุรกิจที่สถาบันการลงทุนส่วนใหญ่สนใจลงทุนมากที่สุด รองลงมาได้แก่ หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และหมวดพลังงาน ตามลำดับเนื่องจากบริษัทจดทะเบียนที่ไปร่วมโรดโชว์ในครั้งนี้อยู่ในกลุ่มดังกล่าวเป็นหลัก
“การไปให้ข้อมูลโดยตรงแก่ผู้ลงทุนสถาบันทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ในครั้งนี้ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อตลาดทุน เพราะได้มีโอกาสได้ไปให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุน และได้ชี้แจงข้อมูลที่ผู้ลงทุนสถาบันต้องการทราบโดยตรง ทำให้ผู้ลงทุนสถาบันมีความเข้าใจตลาดทุนไทยมากขึ้น และรับรู้ว่าตลาดทุนไทย มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีสินค้าที่น่าสนใจ มีการวางโครงสร้างต่าง ๆ สำหรับการเป็นตลาดทุนครบวงจรที่มีความพร้อมที่จะเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อมั่นว่ามีส่วนอย่างยิ่งที่จะส่งผลดีต่อการลงทุนในตลาดทุนไทยโดยรวม” นางภัทรียากล่าว
สำหรับประเด็นการเมืองเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น ผู้ลงทุนสถาบันต่าง ๆ ที่เข้าพบ ได้ให้ความสนใจสอบถามและได้รับทราบข้อมูลที่ชัดเจน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ให้ความมั่นใจว่า ถึงแม้เศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมือง และส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นบ้าง แต่เมื่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ชัดเจนขึ้น ก็นับเป็นเรื่องดีที่จะสร้างความเชื่อมั่นและแสดงให้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยยังมีเสถียรภาพอยู่ ทั้งนี้เห็นได้จากตลอดเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา การซื้อขายยังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนต่างชาติยังเป็นผู้ซื้อสุทธิตั้งแต่ต้นปี ถึง ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2550 มูลค่า 74,786.71 ล้านบาท
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร.0-2229—2036/ศรินทร์ลักษณ์ จิตกะวงส์ โทร. 0-2229 — 2037/
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049 / วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797