กรุงเทพฯ--6 มิ.ย.--พม.
นางนภา เศรษฐกร รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งทางสังคม ซึ่งมีผลมาจากปัญหาทางการเมืองในประเทศ ที่เกิดจากความขัดแย้งทางความคิดและการแบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย มากกว่าที่จะคำนึงถึงแก่นแท้ของ “วิถีประชาธิปไตย” ที่เป็นการบูรณาการทุนทางสังคมให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยยึดถือความต้องการของประชาชนเป็นหลัก ทำให้การเมืองไทยขาดเสถียรภาพ ประกอบกับสถานการณ์ปัญหาในสังคมไทย ซึ่งมีหลายประเด็นที่เป็นปัญหาระดับประเทศ เช่น ปัญหาการจัดการกับภัยพิบัติ หนี้นอกระบบ หนี้สาธารณะ การจัดสวัสดิการชุมชนเพื่อรองรับปัญหาสังคมผู้สูงอายุ ปัญหาคุณแม่วัยใส เป็นต้น จึงจำเป็นต้องเรียนรู้ให้เท่าทันปัญหาและเตรียมความพร้อม โดยอาศัยการมีส่วนร่วมจาก ทุกภาคส่วน ในการหาแนวทางเฝ้าระวังป้องกันและแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อยกระดับความเข้มแข็งของภาคประชาสังคม คณะกรรมการส่งเสริมประชาสังคมเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เป็นสำนักงานเลขานุการฯ มีอำนาจหน้าที่ในการให้ข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และมาตรการในการส่งเสริมประชาสังคมเพื่อการพัฒนา และประสานกับหน่วยงานของรัฐและองค์กรที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินสถานการณ์ด้านประชาสังคมของประเทศ จึงได้จัดทำโครงการ “เวทีประชาธิปไตยชุมชนเพื่อความมั่นคงของมนุษย์” เพื่อเป็นเวทีให้ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะ ภาคประชาชน ได้ค้นหาประเด็นสาธารณะและเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาทางสังคมร่วมกัน โดยเฉพาะประเด็นการเฝ้าระวังภัยพิบัติ การจัดสวัสดิการทางสังคม การจัดการหนี้นอกระบบ หรือประเด็นอื่นๆ ที่มีความสำคัญและส่งผลต่อความมั่นคงในชีวิตของประชาชน เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และภาคประชาชน เป็นการจุดประกายประชาธิปไตยขั้นพื้นฐาน และกระตุ้นจิตสำนึกในการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้เห็นความสำคัญของการออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง การใช้สิทธิ์ตามระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งสร้างเครือข่ายภาคประชาสังคม
นางนภา กล่าวต่อว่า การจัดทำเวทีประชาธิปไตยชุมชนเพื่อความมั่นคงของมนุษย์ เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนากลไกการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมประชาสังคมเพื่อการพัฒนาสังคมไทย ฉบับที่ ๑ ซึ่งปัจจุบันเป็นร่างยุทธศาสตร์ฯสำคัญ ที่รอการเสนอรัฐบาล ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ส่งเสริมประชาสังคมเพื่อการพัฒนาสังคมไทย ให้เป็นวาระของประเทศ และวาระของประชาชน โดยจัดทำเป็นเวที ๔ ภาค ได้แก่ ภาคกลาง ระหว่างวันที่ ๑-๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ ณ ห้องประชุมราชาบอลลูม โรงแรมปริ๊นซ์พาเลซ กรุงเทพฯ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ ๕-๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ณ ห้องประชุมสีมาบอลลูม โรงแรมสีมาธานี อ.เมือง จ.นครราชสีมา ภาคเหนือ ระหว่างวันที่ ๙-๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ ณ ห้องประชุมพัฒนะ โรงแรมคุ้มภูคำ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ภาคใต้ ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๔ ณ ห้องประชุมประกายเพชร โรงแรมไดมอนด์พลาซ่า อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย แกนนำอาสาสมัครระดับอำเภอ ผู้แทนส่วนราชการระดับจังหวัดและระดับเขต พื้นที่ ผู้นำชุมชน ผู้แทนองค์กรปกครองสว่นท้องถิ่น ผู้แทนภาคประชาสังคม เครือข่ายสภาเด็กและเยาวชน นักวิชาการองค์กรพัฒนาเอกชน ผู้แทนองค์กรอิสระ รวม ๔ ภาคๆ ละ ๔๕๐ คน รวม ๑,๘๐๐ คน ทั้งนี้ การเปิดเวทีระดับภูมิภาคในเดือนมิถุนายนนี้ ถือเป็นระยะเวลาที่ใกล้กับการเลือกตั้ง จึงนับเป็นโอกาสที่ดีในการสื่อสารและส่งต่อประเด็นปัญหาทางสังคมจากทั่วประเทศ ให้พรรคการเมืองรับทราบ ถือเป็นการเชื่อมประชาธิปไตยชุมชนเข้าสู่ประชิปไตยระดับประเทศ ที่ภาคประชาชนจะได้มีส่วนร่วมกำหนดทิศทางในการพัฒนานโยบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสวัสดิการสังคมหรือสวัสดิการชุมชน
“การจัดเวทีเพื่อรับฟังข้อเสนอจากภาคประชาสังคมร่วมกันครั้งนี้ จะเป็นข้อมูลความรู้ที่เป็นต้นทุนที่สำคัญของสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาแผนแม่บท เพื่อพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนำไปสู่การวางมาตรการกลไกในการจัดสวัสดิการสังคมที่สอดคล้องกับบริบทของประเทศต่อไปในอนาคต” นางนภา กล่าว