กรุงเทพฯ--7 มิ.ย.--MMM Digital
เจน โกล์ดแมน เป็นนักข่าว ผู้กระจายเสียงทางวิทยุหรือโทรทัศน์ และนักเขียนผู้ประสบความสำเร็จ เจน โกล์ดแมนพลิกความสนใจสู่ด้านการเขียนบทภาพยนตร์ในปี 2007 ตามมาด้วยการพบแมทธิว วอนก์ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง STARDUST ด้วยการจัดการของเพื่อนทั้งสองฝ่าย ผู้เป็นนักเขียนหนังสืออย่าง นีล ไกแมน
ภาพยนตร์เรื่อง X-MEN: FIRST CLASS (เอ็กซ์-เม็น: รุ่นหนึ่ง) เป็นการร่วมงานเขียนของทั้งคู่เป็นครั้งที่ 4 หลังภาพยนตร์ของวอนก์เรื่อง STARDUST และ KICK-ASS รวมถึงภาพยนตร์ที่กำกับโดยจอห์น แมดเด็น เรื่อง THE DEBT
ระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์ในลอนดอนที่ Pinewood Studios โกล์ดแมนนั่งลงเพื่อพูดคุยถึงหน้าที่ของเธอในโลกของ X-MEN
คุณเข้ามามีส่วนร่วมในภาพยนตร์เรื่อง X-MEN: FIRST CLASS (เอ็กซ์-เม็น: รุ่นหนึ่ง) ได้อย่างไร?
แมทธิวคุยกับ Fox ถึงความเป็นไปได้ในการกำกับเรื่องนี้ เมื่อเขาเดินหน้าตอบตกลง มันเป็นช่วงที่ร่างภาพยนตร์ที่เขามีอยู่ตอนนั้นยังไม่ได้รับการอนุมัติ พวกเขาดีใจที่แมทธิวจะรับหน้าที่ขุดค้นทิศทางที่แตกต่างในหนัง เขาได้ตัวฉันมาอยู่ในฉากเพื่อจัดการเรื่องนั้นร่วมกับเขา
มิตรภาพกับแมทธิวที่ตอนนี้กลายเป็นการอ่านบทเก่าถึง 4 บทด้วยกัน ซึ่งลุล่วงไปได้สวยในขั้นปฏิบัติมั้ย?
มันกลายเป็นมิตรภาพแบบเพื่อน เราทำงานร่วมกันอย่างสนุกสนานและเรารู้สึกสบายใจในการทำงานร่วมกันมาก เราบรรลุจุดประสงค์ในวิธีที่แตกต่างกัน แต่ลงล็อคเข้ากันดีในแง่ของการเอื้อเฟื้อหรือแบ่งปันสิ่งที่เราสามารถให้ได้ และแน่นอนว่ามันยิ่งสบายใจมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่วิเศษ
แมทธิวลงมือจัดการทุกสิ่งทุกอย่างจากมุมมองการกำกับหนัง เขามีมุมมองหนังอยู่ในความคิดของเขา ส่วนของฉันจะแตกต่างไปจากเขา แมทธิวมีโครงร่างที่ชัดเจนมาก ในด้านความคิดของฉากและความคิดของฉากแอ็คชั่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำด้วยกันทั้งคู่ ส่วนในด้านของบทภาพยนตร์และการพัฒนาตัวละคร ฉันเดาว่านั่นเป็นหน้าที่ของฉันมากกว่า
แต่ก็มีจุดที่ขัดแย้งกันหลายอย่างและนั่นไม่เคยเหมือนกันเลย หากแมทธิวแนะนำบทภาพยนตร์บางตอนขึ้นมา ฉันก็จะพูดว่า “เอ่อ ขอโทษนะ นั่นมันหน้าที่ฉัน” มันมีความเหมาะสมมากโดยที่เราไม่ต้องวิเคราะห์มันเลย
คุณเป็นแฟนหนังสือการ์ตูน ฉะนั้นมันรู้สึกอย่างไร ที่มีโอกาสได้แสดงในจักรวาลอันกว้างขวางบนโลกของ X-MEN?
มันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก แน่นอนว่าฉันเป็นแฟนหนังสือการ์ตูนของ X-MEN แต่เพราะว่าพวกเขามีการตอกย้ำอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงหลายปีนี้ ถือเป็นเรื่องดีที่มีโอกาสย้อนกลับไปหาต้นฉบับแรกจากจุดเริ่มต้น โชคดีที่เรามีต้นฉบับทั้งหมดอยู่ในบ้านขอเรา เพราะมันคือของสะสมอย่างหนึ่งของสามีฉัน! ฉันอยู่ภายใต้คำแนะนำอย่างเคร่งครัดว่ามือของฉันต้องสะอาดตลอดเวลา และเราก็จะเห็นถุงใส่อาหารทุกๆ ที่! แต่มันเป็นความน่าหลงใหลจริงๆ ที่ได้ย้อนกลับไป และฉันอยากมั่นว่าฉันมีการเชื่อมโยงถึงมัน
สิ่งที่แมทธิวและฉันต่างรู้สึกในฐานะของแฟนหนังสือการ์ตูน คือเมื่อมีนักเขียนหรือศิลปินหน้าใหม่เข้ามาอยู่ในซีรี่ส์ใด ต้องเคารพในสิ่งที่เคยมีมาก่อนเสมอ แต่ก็มีอิสระในการค้นหาแง่มุมอื่นๆ ในส่วนของการยึดติดหลักการมันมีความคลาดเคลื่อนจากหนังสือการ์ตูนมาโดยตลอด ฉันเลยคิดว่าจริงๆ แล้วมัน็ดีที่จะมีระดับความเป็นอิสระ ขณะที่ยังคงเคารพในความเป็นมาของมันด้วย
ฉากร่วมสมัยดูเหมือนเป็นการทำให้นึกถึงมัลคอล์ม เอ็กซ์ / มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงระหว่างแม็กนีโตและโพรเฟสเซอร์ เอ็กซ์
แน่นอน ฉันไม่รู้ว่าแรกเริ่มไบรอัน ซิงเกอร์ มีไอเดียของฉากแนวพีเรียดได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ มันเป็นส่วนหนึ่งในความสัมพันธ์ของพวกเขา แถมมันยังเกี่ยวกับการมองผู้คนในช่วงเวลาของชีวิตพวกเขา เมื่อความคิดของพวกเขาเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา และประสบการณ์ที่จะนำพาเราสู่เส้นทางที่เราถูกนำไปสู่อุดมการณ์ของเรา สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรากำหนดเส้นทางและวิธีการปฏิบัติต่อผู้อื่น อันที่จริงความคิดนั้นไม่ใช่ถูกหรือผิดอย่างสิ้นเชิง และอันที่จริงการมองจุดที่พวกเขาตัดขวางกันเป็นเรื่องที่น่าหลงใหลมาก นั่นคือสิ่งที่ฉันชอบมากในเรื่อง
ปฏิกิริยาระหว่างตัวละคร 2 ตัวและสิ่งที่อยู่ข้างเคียงเป็นอย่างไรบ้าง?
เซบาสเตียน ชอว์ เป็นคนที่ชั่วร้ายมาก แต่ในด้านของเหล่า X-Men มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะยังไม่มีฝ่ายพันธมิตรในช่วงแรกเริ่ม จากนั้นเมื่อมีการพัฒนาขึ้น เราจะได้เห็นทิศทางที่เด็กวัยรุ่นต่างเดินไปข้างหน้า นั่นเป็นเรื่องดีที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความดีที่บริสุทธิ์หรือความเลว
ในด้านหนึ่ง ด้านชั่วร้ายอย่างที่นึกเอาไว้เป็นสิ่งที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล นั่นเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะส่วนหนึ่งแล้วมันคือชีวิตจริง ใช่มั้ย? ฉันว่าเควิน เบคอน แสดงได้เลวบริสุทธิ์ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือเราจะเห็นด้านมืดขององค์ประกอบที่เซบาสเตียน ชอว์ ยืนหยัดเพื่อสิ่งที่เขาให้ความสนใจอย่างแท้จริงอยู่ในตัวแม็กนีโต แต่ก็มีองค์ประกอบของสิ่งที่ชาร์ลส์ให้ความสนใจอย่างแท้จริง มันน่าสนุกที่ได้เห็นสิ่งที่ตัวละครตัดสินใจเลือกที่จะเผชิญหน้ากับมั
คุณสร้างให้ชาณืลส์ ซาเวียร์ เป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ เป็นตัวละครที่มีปมอย่างไร?
ด้วยการร่วมมือกับเจมส์ นั่นเป็นการท้าทายความสามารถของเรามาก กรค้นหาปมในตัวซาเวียร์และทำให้เขาเหมือนมนุษย์หรือเป็นตัวละครที่มีความซับซ้อน ฉันคิดว่าเราจะเห็นได้ชัดเจนว่าเขามีความคิดเหมือนพระเจ้าที่ ความปรารถนาเบื้องลึกของเขาคือการควบคุมทุกน หากเรานำมาปรับใช้ในชีวิตจริง มันไม่ง่ายเลยที่จะดำเนินชีวิตไปด้วยความคิดแบบนั้น ความปรารถนาเบื้องลึกในการเปลี่ยนแปลงผู้คนและหลอมพวกเขาให้เป็นแบบความคิดของเราในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมจะก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมา
เขาค่อนข้างเหมือนกับโยดาที่อยู่เหนืออารมณ์ และมันน่าสนุกจริงๆ ที่ได้ลองหาระดับตัวละครของเขา ซึ่งเจมส์มีส่วนช่วยได้เป็นอย่างดีตอนที่เขาร่วมลงมือในช่วงแรก เราเขียนบทขึ้นมาใหม่โดยอิงจากการพูดคุยกับเจมส์ เพื่อค้นหาขอบข่ายที่ไกลออกไป เขามีการรับมือได้อย่างดีในตัว เขามีความฉลาดมาก
คุณแก้ปัญหากับขอบเขตนักแสดงที่จะมาเป็นเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์อย่างไร? นั่นเป็นการเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับเรื่องราวหรือคุณใส่ความชอบของตัวเองลงไปในหนัง?
บอกตามตรงว่าทั้งสองอย่าง ฉันคิดว่ามันมีบางอย่างที่ทำให้เป็นตัวละครที่น่าสนใจอย่างเห็นได้ชัด บางอย่างมีความสมบูรณ์ต่อเรื่องราว และมีบางกรณีหรืออาจเป็นกรณีเดียวที่เขามีพลังวิเศษจนเราต้องมีเขามาอยู่ในเรื่อง!
Fox มีความสบายใจกับคนที่เรานำมาแสดง นักแสดงหลักของเรื่องเป็นตัวละครที่เรามีความคาดหวังสูง แต่นักแสดงคนอื่นเราสามารถเพิ่มเติมได้ เพราะพวกเขาเป็นตัวละครที่ได้รับความสนใจและมีพลังวิเศษ ความเป็นไปได้ทำให้เรารู้สึกมีความยินดี
ซึ่งแน่นอนว่าตัวละครต้องมีพัฒนาการไปด้วย ไม่ใช่แค่จับเขามาใส่ในเรื่องอย่างไร้แบบแผน ฉันหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจในเรื่องการตัดสินใจของพวกเขา
และการมีตัวละคร 2-3 ตัวที่เรารู้จักมาบ้างก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะเราสามารถเข้าถึงพวกเขาได้ พวกเขามาอยู่ในเรื่องราวเป็นครั้งแรกและเป็นผู้ร่วมรู้เห็นกับตัวละครทั้งสองในการก่อตั้งอุดมการณ์ของพวกเขา มันเป็นการตัดสินใจที่ตัวละครไม่รู้เรื่องอะไรในสิ่งที่ทำ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่แปลกใหม่ของเรื่องราว
คุณมีความคิดมั้ยว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไปจากนี้?
บอกตามตรงว่าเรายังไม่ได้คิดถึงภาคต่อไป มันไม่ใช่เรื่องที่เรามีการพูดถึงกันเลยจริงๆ มันไม่มีวี่แววของการสร้างภาพนี้เพื่อภาคต่อไป ฉันคิดว่ามันเป็นการเสี่ยงเสมอที่จะทำแบบนั้น เราควรสนใจกับการสร้างเรื่องราวที่เราบอกเล่าให้ถูกต้องเหมาะสมจะดีกว่า