กรุงเทพฯ--7 มิ.ย.--บางกอก พีอาร์
- เพิ่มรายได้ให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน ด้วยการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจรถยนต์ ที่มีมูลค่าเกือบครึ่งหนึ่งของจีดีพี
- ทุกคนสามารถกู้เงินซื้อบ้านได้ด้วยดอกเบี้ย 1% นาน 10 ปี ผ่อนขั้นต่ำเดือนละ 2,000 บาท
- “นโยบายกุญแจ 2 ดอก ทำให้ผู้มีรายได้น้อยเปลี่ยนค่าเช่าเป็นค่าผ่อนบ้าน ส่งเสริมการออม และช่วยจัดการกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น นโยบายนี้ยังเท่ากับเป็นการหยุดการขึ้นค่าเช่าบ้านเป็นเวลา 10 ปี และเมื่อผ่อนจนครบกำหนดก็ยังได้เป็นเจ้าของบ้านนั้นอีกด้วย” — นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์
วันนี้พรรคชาติไทยพัฒนา นำโดยนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ได้เปิดตัว “นโยบายกุญแจ 2 ดอก” วาดฝันคนไทยทุกคนมีบ้านและรถยนต์เป็นของตนเอง “นโยบายนี้จะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตในระยะยาว พร้อมกับแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชนได้ทันที”
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า พรรคจะเดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการกระตุ้นการเติบโตของสองธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในระบบเศรษฐกิจ คือรถยนต์ และ อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง ด้วยการนำเสนอเงินกู้ซื้อบ้านดอกเบี้ยคงที่ 1% เป็นเวลา 10 ปี ผ่อนชำระรายเดือนเริ่มต้น 2,000 บาทคงที่ 10 ปี
“คนทั่วไปที่มีรายได้เดือนละ 6,000 บาท สามารถจะขอกู้เงินเพื่อซื้อบ้านราคาหลังละ 500,000 บาท โดยจ่ายค่าผ่อนบ้าน พอๆ กับค่าเช่าห้องที่ต้องเสียเป็นประจำทุกเดือน” นายประดิษฐ์ กล่าว
“นโยบายที่อยากจะเห็นทุกคนมีกุญแจ 2 ดอกอยู่ในกระเป๋า ด้วยการทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านคงที่ 1% นาน 10 ปี นอกจากจะลดปัญหาค่าครองชีพที่นับวันจะสูงขึ้นได้ทันทีแล้ว คนที่ซื้อบ้านก็ไม่ต้องกลัวว่าค่าผ่อนบ้านจะเพิ่มขึ้น เพราะ ถ้าเราคิดว่า เงินที่นำมาใช้ผ่อนบ้านคือค่าเช่าห้อง สิ่งที่พรรคจะทำ เท่ากับเป็นการหยุดการขึ้นค่าเช่าห้องไปเลยเป็นเวลา 10 ปี และมากกว่านั้น เมื่อผ่อนไปจนครบกำหนดเขาก็ยังได้เป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของทรัพย์สิน ที่จะเป็นมรดกตกทอดให้กับลูกหลานได้ด้วย” นายประดิษฐ์ กล่าว
“นโยบายกุญแจ 2 ดอก ยังเป็นวิธีที่ดีในการสร้างนิสัยการออมให้กับประชาชน และเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถกู้ซื้อบ้านได้สูงสุดถึง 3,000,000 บาท ระยะเวลากู้ยืมนานถึง 30 ปี โดยทุกคนสามารถที่จะผ่อนรายเดือนได้อย่างสบาย” นายประดิษฐ์ กล่าว
นอกจากนั้น พรรคชาติไทยพัฒนายังอยากเห็นประชาชนที่ต้องการซื้อรถคันแรก ได้รับการยกเว้นภาษี และมาตรการอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ราคาลดลง 100,000 บาท เฉพาะการซื้อรถอีโคคาร์ และรถปิคอัพ ที่มีราคาไม่เกิน 1,000,000 บาท
นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ปัจจุบันนโยบายเศรษฐกิจส่วนใหญ่จะออกมาในแนว “ลด แลก แจก แถม” อย่างเดียว ซึ่งผมก็เข้าใจได้ว่า เรื่องแบบนี้ก็ต้องมีบ้าง เพราะบางอย่างอาจจะจำเป็น ที่ต้องช่วยชาวบ้านในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่เราก็ต้องระลึกไว้ว่ามันไม่สามารถจะช่วยแก้ปัญหาในระยะยาวได้ ซ้ำยังจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศจนลง และจะฉุดให้คนจนลงยิ่งกว่าเดิม สุดท้ายก็จะทำให้ประเทศของเราตกอยู่ในฐานะที่ลำบาก
“ที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับนโยบายนี้ก็คือ นโยบายนี้ไม่เพียงจะส่งผลดีต่อประชาชนเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย ในรูปแบบของ “ช่วยทุกคนวันนี้ เพื่อช่วยชาติวันหน้า” ซึ่งนโยบายที่ดีเช่นนี้มีให้เห็นไม่มากนัก” นายประดิษฐ์ กล่าว
นายประดิษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า รายได้เฉลี่ยของคนไทยจะต้องเพิ่มขึ้นอีกสองเท่าในเวลา 5 ปี
“วิธีเดียวที่เราจะขยายเศรษฐกิจของประเทศให้โต และเพิ่มรายได้ของประชาชนให้สูงขึ้น ในเวลาอันรวดเร็วก็คือ ต้องสนับสนุนและกระตุ้นการเติบโตของสองธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในระบบเศรษฐกิจของเรา เพราะ สองภาคธุรกิจนี้เป็นตัวที่สร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศมากที่สุด และมียอดส่งออกมากที่สุดด้วย” นายประดิษฐ์ กล่าว
และเมื่อดูตัวเลขของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง และธุรกิจรถยนต์ รวมถึงอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องอื่นๆ จะมีมูลค่าเกือบครึ่งหนึ่งของจีดีพี และสร้างงานให้กับคนไทยเกือบ 5 ล้านคน
นโยบายกุญแจ 2 ดอก จะเน้นการทำให้รายได้ของคนไทยสูงขึ้น ด้วยการขยายเศรษฐกิจ โดยการกระตุ้นอุตสาหกรรมที่สำคัญทั้งสองนี้
“สิ่งแรกที่เราอยากทำคือ เราอยากเห็นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างได้รับการกระตุ้นให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเมื่อธุรกิจนี้ฟื้นตัว ผลที่ตามมาและเห็นได้ทันทีก็คือ การจ้างงานเพิ่มขึ้น การสั่งซื้อวัตถุดิบต่างๆ เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปูนซีเมนต์ เหล็ก ท่อพลาสติก ไม้ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ทีวี ตู้เย็น หม้อหุงต้ม เครื่องซักผ้า เป็นต้น ทุกอย่างจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว เงินจำนวนมากจะถูกอัดฉีดกลับเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และย้อนกลับเข้าไปในกระเป๋าของประชาชน นอกจากนั้นผลดีอีกเรื่องหนึ่งที่จะตามมาทันทีก็คือ รายได้ของรัฐก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็น VAT หรือ ภาษีจากกำไรของบริษัท และภาษีที่เก็บได้นี้ก็จะถูกนำกลับไปใช้ในการพัฒนาประเทศ ก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน รวมถึงโครงการรัฐสวัสดิการที่จำเป็นต่างๆ” นายประดิษฐ์ กล่าว
นายประดิษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า ทุกวันนี้ ดอกเบี้ยที่คนไทยต้องจ่ายเพื่อซื้อบ้านใหม่หลังหนึ่งจะเป็นเงินเกือบเท่ากับราคาบ้านเลยทีเดียว ดังนั้น การที่ดอกเบี้ยซื้อบ้านคงที่ 1% เวลา 10 ปี จะช่วยให้เขาประหยัดเงินในกระเป๋าลงไปได้อย่างมาก
นายประดิษฐ์ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนายังมีนโยบายที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ ให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในเวทีการค้าโลก เพื่อสร้างงานและเพิ่มความมั่งคั่งให้กับทุกคน และเมื่ออุตสาหกรรมนี้แข็งแกร่งขึ้น และมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็จะเพิ่มความ ร่ำรวยให้กับคนไทยทุกคนอย่างยั่งยืน
“หากพวกเราจำได้ในช่วงปี 2533 ท่านอดีตนายกอานันท์ ปันยารชุน ก็มีนโยบายที่จะสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ โดยการเชิญชวนผู้ประกอบการรายใหญ่ของโลกมาตั้งโรงงานในประเทศไทย นับแต่นั้นมารถยนต์ก็เป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ และกลายเป็นสินค้าส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ทำให้คนนับล้านมีงานทำ
และไม่ว่าเราจะมีวิกฤติเศรษฐกิจเกิดขึ้น ทั้ง “ต้มยำกุ้ง” หรือ “วิกฤติแฮมเบอเกอร์” รถยนต์กลับเป็นอุตสาหกรรมที่จะคอยช่วยเหลือระบบเศรษฐกิจของประเทศมาโดยตลอด จนถึงวันนี้รถยนต์ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุด และมีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 5 แสนล้านบาท” นายประดิษฐ์ กล่าว
นายประดิษฐ์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมรถยนต์สามารถที่จะเจริญรุ่งเรืองได้อีก และทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตไปได้อีก ถ้ามีการปรับขั้นตอนกระบวนการต่างๆ ให้เรียบง่าย และคล่องตัว
“เราจะขจัดสิ่งต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอน ระบบราชการ และเอกสารที่ไม่จำเป็น รวมถึงความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาล ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อแผนการลงทุนระยะยาวของอุตสาหกรรมรถยนต์ … พวกเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าประเทศอินโดนีเซียได้ประกาศตัวว่าเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญ เขาก็เหมือนกับเสือหิว ที่พร้อมจะตะปบ และดึงผู้ผลิตรถยนต์ที่อยู่ในเมืองไทยได้ตลอดเวลา ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์บอกกับผมว่าเขาจะไม่ไปไหน และเขาจะลงทุนในไทยต่อไป ขอเพียงแค่ให้เขาสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น สะดวกสบายขึ้นเท่านั้นเอง ซึ่งที่ผ่านมาผมก็ได้พยายามช่วยไปแล้ว โดยการให้หน่วยงานที่ผมเคยกำกับการดูแลคือ กรมศุลกากร และกรมสรรพากร ได้ปรับกระบวนการ ขั้นตอนการทำงานต่างๆ ให้กระชับ เรียบง่ายขึ้น ...แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีงานอีกเยอะที่ต้องทำ” นายประดิษฐ์ กล่าว
คำกล่าว — นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา7 มิถุนายน 2554
ท่านหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พี่น้องสื่อมวลชนทุกท่าน
ผมต้องขอขอบคุณท่านหัวหน้า ที่พูดชมเชยผมนะครับ
นโยบายกุญแจ 2 ดอก คือโอกาสที่สำคัญยิ่งสำหรับพรรคชาติไทยพัฒนา และคนไทยทั้งชาติ
ก่อนอื่น ผมขออนุญาตพูดถึงกรอบนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่พวกเราทุกคนจะทำคือ เราจะกระตุ้นเศรษฐกิจ และเพิ่มรายได้ให้กับคนไทยทั้งประเทศ นี่คือความปรารถนาของเรา ... และความปรารถนานี้ได้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นสัญลักษณ์ รูปกุญแจ 2 ดอก ที่เราอยากจะให้มีอยู่ในกระเป๋าของทุกคน ดอกหนึ่งคือกุญแจที่ไขเข้าบ้านที่เป็นของตัวเอง และอีกดอกหนึ่งคือกุญแจรถของเขาเองเช่นกัน
ผมขอเรียนให้ทราบก่อนว่า หัวใจของนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคชาติไทยพัฒนา คือ การเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน และ ต้องเพิ่มอย่างรวดเร็วและอย่างยั่งยืน ดังนั้นทุกสิ่งที่เราจะทำต่อไปนี้ ล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันทั้งสิ้น คือ การเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนอย่างรวดเร็วและยั่งยืน
การที่จะเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน มีอยู่วิธีเดียวเท่านั้น คือ เราต้องเร่งขยายเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเราจะมุ่งไปที่การทำให้จีดีพีขยายตัวให้สูงขึ้น 2 เท่า ภายใน 5 ปี นั่นก็หมายความว่าจะทำให้รายได้ของคนไทยโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นสองเท่าเช่นกัน ... เราเคยเห็นประเทศอื่นเขาทำสำเร็จมาแล้ว และถ้าประเทศอื่นทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้
เมื่อ 20 ปีก่อน คนสิงคโปร์มีรายได้เฉลี่ยสามหมื่นบาทต่อเดือน หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ขยับเป็น สี่หมื่น ห้าหมื่น หกหมื่น และช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รายได้ของคนสิงคโปร์ก็ขยายตัวเป็นดับเบิ้ลขึ้นอีกเท่าตัวจาก เจ็ดหมื่นบาท เป็น หนึ่งแสน สี่หมื่นบาท นี่คือรายได้โดยเฉลี่ยของคนสิงคโปร์ในแต่ละเดือน
เขาทำได้ ... ทำไมคนไทยจะทำไม่ได้
และถ้าสิงคโปร์ทำได้ ... ประเทศไทยก็ต้องทำได้
นั่นคือเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้ ... เพิ่มรายได้ของคนไทยอีกเท่าตัวในอีก 5 ปี
การที่เราจะเพิ่มรายได้ของคนไทยให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น วิธีเดียวที่ต้องทำคือ ต้องขยายเศรษฐกิจให้เติบโต และถ้าเราอยากจะให้เศรษฐกิจเติบโต เราจะต้องกระตุ้นการเติบโตของสองธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพราะสองธุรกิจนี้จะเป็นตัวสร้างความร่ำรวยให้กับประเทศของเรามากที่สุด ทำให้คนมีงานทำมากที่สุด และทำให้ยอดการส่งออก มากที่สุดด้วยเช่นกัน
เริ่มแรก เราจะกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง ตามด้วยธุรกิจรถยนต์ ในเวลาเดียวกันเราก็ต้องสนับสนุนภาคเกษตร ด้วยการทำให้สินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่า ยอดการจับจ่ายใช้สอยในระบบเศรษฐกิจของประเทศยังดำเนินไปเหมือนเดิม
และเมื่อเรารวมจีดีพีของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง ธุรกิจรถยนต์ และธุรกิจต่อเนื่องเข้าด้วยกันแล้ว พบว่ามีสัดส่วนมากถึงเกือบครึ่งหนึ่งของจีดีพีทั้งประเทศ นอกจากนั้นทั้งสองภาคธุรกิจนี้ยังสามารถจ้างแรงงานได้ถึง 5 ล้านคนอีกด้วย
กุญแจที่จะไขไปสู่การเพิ่มรายได้ของคนไทยให้สูงขึ้น ต้องมาจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลมาจากการกระตุ้นสองภาคธุรกิจดังกล่าว ภายใต้นโยบายกุญแจ 2 ดอกของเรา
สิ่งแรกที่เราอยากทำคือ เราอยากเห็นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างได้รับการกระตุ้นให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเมื่อธุรกิจนี้ฟื้นตัว ผลที่ตามมาและเห็นได้ทันทีก็คือ การจ้างงานเพิ่มขึ้น การสั่งซื้อวัตถุดิบต่างๆ เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปูนซีเมนต์ เหล็ก ท่อพลาสติก ไม้ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ทีวี ตู้เย็น หม้อหุงต้ม เครื่องซักผ้า เป็นต้น ทุกอย่างจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว เงินจำนวนมากจะถูกอัดฉีดกลับเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และย้อนกลับเข้าไปในกระเป๋าของประชาชน
นอกจากนั้นผลดีอีกเรื่องหนึ่งที่จะตามมาทันทีก็คือ รายได้ของรัฐก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็น VAT หรือ ภาษีจากกำไรของบริษัท และภาษีที่เก็บได้นี้ก็จะถูกนำกลับไปใช้ในการพัฒนาประเทศ ก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน รวมถึงโครงการรัฐสวัสดิการที่จำเป็นต่างๆ
และเพื่อให้วัฎจักรแห่งความรุ่งเรืองนี้หมุนไปได้ จุดเริ่มต้นจึงอยู่ที่การตัดสินใจมีบ้าน ... นโยบายกุญแจ 2 ดอก ของเราจะเป็นการกระตุ้นประชาชนเพื่อให้การตัดสินใจซื้อบ้าน ตัดสินใจวางเงินดาวน์ และเริ่มโอนบ้าน เกิดขึ้นโดยเร็ว ด้วยการเสนอสินเชื่อบ้านในอัตราดอกเบี้ยต่ำมากเพียง 1% วงเงินผ่อนชำระคงที่เป็นเวลา 10 ปี เพื่อให้ทุกคนสามารถกู้ซื้อบ้านได้เหมือนกันหมด
นี่เป็นเรื่องใหญ่ครับ ... เรื่องใหญ่นะครับ เพราะดอกเบี้ยที่ต่ำขนาดนี้จะช่วยให้เขาประหยัดเงินในกระเป๋าลงไปได้มาก และเมื่อผ่อนชำระครบ 20 ปี จะทำให้เขาประหยัดเงินในการซื้อบ้านลงไปได้เกือบครึ่งเลยนะครับ ... นี่เป็นอะไรที่น่าตกใจ เพราะทุกวันนี้ ดอกเบี้ยที่คนไทยต้องจ่ายเพื่อซื้อบ้านใหม่หลังหนึ่งจะเป็นเงินเกือบเท่ากับราคาบ้านเลยทีเดียว
การให้ดอกเบี้ยที่ต่ำขนาดนี้ จะเป็นประโยชน์กับคนอีกจำนวนมากที่คิดว่า ชีวิตนี้คงไม่สามารถซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้ ได้เปลี่ยนความคิดของเขา เพราะดอกเบี้ยที่ต่ำก็จะทำให้การผ่อนชำระต่อเดือนต่ำลงมากด้วยเช่นกัน
ผมขอยกตัวอย่างคนที่มีรายได้ประมาณ 6,000 บาทต่อเดือน จะสามารถขอกู้เงินซื้อบ้านได้ในราคาหลังละ 500,000 บาท เขาจะผ่อนชำระเพียงเดือนละ 2,000 บาท ซึ่งจะพอๆ กับค่าเช่าห้องที่เขาต้องจ่ายเป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว
นโยบายกุญแจ 2 ดอก จะช่วยให้คนจำนวนมากเหล่านี้มีบ้านเป็นของตัวเอง เราจะทำให้ความฝันของเขาให้เป็นจริง นั่นคือการมีกุญแจที่ไขเข้าบ้านของตัวเอง และเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดของเขาเอง แทนที่รายได้จะหายไปกับค่าเช่าห้อง
เรื่องดีๆ ไม่ได้มีแค่นี้นะครับ โครงการนี้นอกจากจะช่วยให้คนสามารถซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้แล้ว เรายังจะช่วยแก้ปัญหาค่าครองชีพที่นับวันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ได้อีกด้วย เพราะในแต่ละเดือนค่าใช้จ่ายที่มากที่สุดของคนที่มีรายได้น้อย ก็คือ “ค่าเช่าห้อง” และค่าเช่าก็จะขึ้นแทบทุกปี และทุกครั้งที่ขึ้นค่าเช่าห้อง ก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อพวกเขาทำให้เกิดปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลัง
และถ้าเขากู้ซื้อบ้านราคา 5 แสนบาท ในอัตราดอกเบี้ย 1% คงที่ 10 ปี การผ่อนชำระต่อเดือนจะประมาณ 2,000 บาท ถ้าเราคิดว่าเงินที่นำมาใช้ผ่อนบ้านคือค่าเช่าห้อง สิ่งที่เราจะทำ เท่ากับเป็นการหยุดการขึ้นค่าเช่าห้องไปเลยเป็นเวลา 10 ปี และมากกว่านั้นเมื่อผ่อนไปจนครบกำหนดเขาก็ยังได้เป็นเจ้าของห้องนั้นอีกด้วย
นอกจากนั้นอัตราดอกเบี้ยคงที่ 10 ปี ยังจะช่วยกระตุ้นให้คนที่มีฐานะปานกลาง ที่ต้องการจะซื้อบ้านราคา 2-3 ล้านบาท ไม่ต้องเป็นห่วงว่าดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นหลังผ่านไป 2 ปี หรือ 5 ปี และทำให้เขาไม่สามารถผ่อนชำระต่อไปได้
นโยบายกุญแจ 2 ดอก ทำให้ผมตื่นเต้นมาก เพราะเป็นนโยบายที่หาได้ยาก คือไม่ใช่เป็นการทำลายเศรษฐกิจ ไม่ใช่เป็นการสร้างหนี้ให้กับประเทศ หรือเป็นการทำลายกลไกการตลาด แต่จะเป็นการช่วยแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้ทันที เวลาเดียวกันก็ยังช่วยสร้างเศรษฐกิจอีกด้วย ในลักษณะของ “ช่วยทุกคนวันนี้ เพื่อช่วยชาติวันหน้า”
ถ้าเราดูนโยบายเศรษฐกิจส่วนใหญ่จะออกมาในแนว “ลด แลก แจก แถม” อย่างเดียว ซึ่งผมก็เข้าใจได้ว่า เรื่องแบบนี้ก็ต้องมีบ้าง เพราะบางอย่างอาจจะจำเป็น ที่ต้องช่วยชาวบ้านในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่เราก็ต้องระลึกไว้ว่ามันไม่สามารถจะช่วยแก้ปัญหาในระยะยาวได้ ซ้ำยังจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศจนลง และจะฉุดให้คนจนลงยิ่งกว่าเดิม สุดท้ายก็จะทำให้ประเทศของเราตกอยู่ในฐานะที่ลำบาก
นโยบายกุญแจ 2 ดอกของพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นการผสมผสานข้อดีทั้งสองด้านอย่างลงตัว คือ ดีสำหรับประชาชน เป็นการช่วยคนได้ทันที ขณะเดียวกันก็ ดีสำหรับประเทศชาติและเศรษฐกิจโดยรวม และในที่สุดก็จะเป็นการสร้างรายได้ให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน
นโยบายด้านที่อยู่อาศัยของเรา จะส่งผลดีในด้านต่างๆ ดังนี้
1. เราสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างงาน เพิ่มรายได้ให้ทุกคน
2. เปิดโอกาสให้คนจำนวนมหาศาลได้มีบ้านเป็นของตัวเอง ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดในชีวิต
3. ทำให้บ้านที่นอกจากจะเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว ยังช่วยให้พ่อ แม่ ลูกได้อยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นเป็นการถาวร ไม่ต้องย้ายห้องเช่าไปเรื่อยๆ ย้ายโรงเรียนบ่อยๆ ทำให้เด็กมีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับที่อยู่ใหม่ หรือต้องพบกับสภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม ปัญหายาเสพติด และขาดความปลอดภัย
4. เรายังช่วยให้ประชาชนมีทรัพย์สินถาวรที่จะอยู่กับเขาจนแก่เฒ่า และเป็นมรดกตกทอดให้กับลูกหลาน
5. ส่งเสริมให้คนรู้จักการออมเงิน ไม่นำเงินไปใช้จ่ายกับสิ่งที่ไม่จำเป็น เพราะคิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีทางซื้อบ้านได้แน่
6. ช่วยประชาชนแช่แข็งรายจ่ายประจำก้อนใหญ่ที่สุดของครอบครัว ให้หยุดอยู่กับที่เป็นเวลา 10 ปี รายจ่ายประจำนั้นก็คือค่าเช่าบ้าน
7. และยังมีสิ่งที่เหลือเชื่อไปกว่านั้นอีก คือเราสามารถทำให้คน 45,000 ครอบครัว หรือราว 1.5 แสนคน มีบ้านเป็นของตัวเองได้โดยใช้เงินของรัฐจำนวนน้อยมาก ถ้าเทียบก็เท่ากับกำไรที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทำได้ในเวลาแค่ 3 เดือน ถือว่าเป็นการคืนกำไรที่ได้มาจากประชาชนกลับไปให้ประชาชนในวิธีที่ถูกต้อง...สำหรับรัฐบาลแล้วก็คงไม่มีโครงการอะไรที่เป็นการใช้เงินไปในทางที่ดี มากกว่านี้อีกแล้ว
นั่นคือกุญแจดอกแรกที่เราอยากจะให้มีอยู่ในกระเป๋าของคนไทยทุกคน นั่นคือกุญแจบ้านของตัวเขาเอง
กุญแจดอกที่สองคือกุญแจรถ เพราะเราถือว่าอุตสาหกรรมรถยนต์คือพลังขับเคลื่อนหลักอย่างหนึ่งของเศรษฐกิจไทย
และหากพวกเราจำได้ในช่วงปี 2533 ท่านอดีตนายกอานันท์ ปันยารชุน ก็มีนโยบายที่จะสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ โดยการเชิญชวนผู้ประกอบการรายใหญ่ของโลกมาตั้งโรงงานในประเทศไทย นับแต่นั้นมารถยนต์ก็เป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ และกลายเป็นสินค้าส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ทำให้คนนับล้านมีงานทำ
และไม่ว่าเราจะมีวิกฤติเศรษฐกิจ ใดๆ ทั้ง “ต้มยำกุ้ง” หรือ “วิกฤติแฮมเบอเกอร์” รถยนต์ก็เป็นอุตสาหกรรมที่จะคอยช่วยเหลือระบบเศรษฐกิจของประเทศมาโดยตลอด จนถึงวันนี้รถยนต์ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
นโยบายของพรรคเราจะสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ ให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในเวทีการค้าโลก เพื่อสร้างงานและเพิ่มความมั่งคั่งให้กับทุกคน และเมื่ออุตสาหกรรมนี้แข็งแกร่งขึ้น และมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็จะเพิ่มความมั่งคั่ง ร่ำรวยให้กับคนไทยทุกคนในที่สุด
เราจะขจัดสิ่งต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอน ระบบราชการ และเอกสารที่ไม่จำเป็น รวมถึงความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาล ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อแผนการลงทุนระยะยาวของอุตสาหกรรมรถยนต์
พวกเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าประเทศอินโดนีเซียได้ประกาศตัวว่าเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญ เขาจึงเหมือนกับเสือหิว ที่พร้อมจะตะปบ และดึงผู้ผลิตรถยนต์ที่อยู่ในเมืองไทยได้ตลอดเวลา ผู้ผลิตรถยนต์บอกกับผมว่าเขาจะไม่ไปไหน และเขาจะลงทุนในไทยต่อไป ขอเพียงแค่ให้เขาสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น สะดวกสบายขึ้นเท่านั้นเอง
ในประเด็นนี้ ผมก็ได้พยายามช่วยไปแล้ว โดยการให้หน่วยงานที่ผมเคยกำกับการดูแลคือ กรมศุลกากร และกรมสรรพากร ได้ปรับกระบวนการ ขั้นตอนการทำงานต่างๆ ให้กระชับ เรียบง่ายขึ้น ...แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีงานอีกเยอะที่ต้องทำครับ
เรารู้ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์มีความพร้อม มีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก และเมื่ออุตสาหกรรมนี้เติบโต ก็จะฉุดให้เศรษฐกิจของไทยโตขึ้นตามไปด้วย... เราพร้อมที่จะทำเรื่องง่ายๆ ที่อุตสาหกรรมนี้ต้องการ และเราก็พร้อมที่จะช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ เพื่อสร้างให้เศรษฐกิจเติบโต และสร้างรายได้ให้ประชาชนทุกคนอย่างยั่งยืน
เราจะกระตุ้นอุตสาหกรรมรถยนต์โดยการลดราคาให้กับผู้ที่ซื้อรถคันแรกลง 100,000 บาท ด้วยการยกเว้นภาษี และมาตรการอื่นๆ โดยจะใช้กับรถอีโคคาร์ และรถปิคอัพ เท่านั้น
และนี่คือกุญแจดอกที่สองที่เราอยากจะเห็นมีอยู่ในกระเป๋าของทุกคน กุญแจดอกนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณและครอบครัวมีความสุขเท่านั้น แต่ยังดีต่อเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของนโยบายกุญแจ 2 ดอก ที่มอบสิ่งที่ดีสำหรับประชาชนและดีสำหรับประเทศไปพร้อมๆ กัน ในรูปแบบ “ช่วยทุกคนวันนี้ เพื่อช่วยชาติในวันหน้า”
นโยบายกุญแจ 2 ดอกของเราแสดงถึงวิสัยทัศน์ที่เราอยากจะเห็นประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพ เป็นประเทศที่ทุกคนมีความอยู่ดี กินดี เป็นประเทศที่ทุกคนมีความหวังที่จะมีชีวิตที่สุขสบาย
ผมขอเชิญทุกคน สานสร้างความหวังนี้ ร่วมกันกับผมนะครับ ...