กรุงเทพฯ--8 มิ.ย.--ธนาคารกรุงเทพ
ธนาคารกรุงเทพและธนาคารกสิกรไทย ร่วมกันสนับสนุนทางการเงินให้กับ บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 1 และ บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 2 เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม วงเงินกู้รวมประมาณ 7,900 ล้านบาท
มร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน กลุ่มบริษัทบี.กริมและอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ และคุณปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มบริษัทได้รับการสนับสนุนทางการเงินเป็นอย่างดีมาโดยตลอดจากธนาคารกรุงเทพและธนาคารกสิกรไทย โดยล่าสุดทั้งสองธนาคารได้ร่วมกันสนับสนุนสินเชื่อ (Syndicated Loan Facility) ในสัดส่วนที่เท่ากัน ให้แก่บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 1 จำกัด และ บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 2 จำกัด ในกลุ่มบริษัท บี.กริม ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าเพื่ออุตสาหกรรมรายใหญ่ในประเทศไทยด้วยวงเงินประมาณ 7,900 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้สกุลเงินบาทจำนวน 5,300 ล้านบาท และสกุลเงินดอลลาร์ 84 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีธนาคารกรุงเทพและธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้จัดสรรเงินกู้ร่วม (Mandated Lead Arranger) และธนาคารกสิกรไทยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor)
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนการนำเงินที่ได้ไปใช้เป็นเงินทุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (cogeneration) 2 โครงการ ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวมประมาณ 245 เมกะวัตต์ โดยใช้เทคโนโลยีระดับมาตรฐานสากลและพลังงานสะอาดจากก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง โรงไฟฟ้าดังกล่าวตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง โดยมีเป้าหมายในการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 90 เมกะวัตต์ต่อโครงการ ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SSP) ระยะยาว 25 ปี ส่วนพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำที่เหลือ บริษัทฯ จะจำหน่ายให้กับโรงงานอุตสาหกรรมภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ จังหวัดระยอง โดยโครงการโรงไฟฟ้าบริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 2 จะเริ่มเปิดดำเนินการในวันที่ 1 มิถุนายน 2556 สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าบริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 1 จะเริ่มเปิดดำเนินการในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 เป็นต้นไป
นอกจากทั้งสองโครงการดังกล่าวแล้ว ปัจจุบันนี้กลุ่มบริษัทบี.กริม ได้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมโคเจนเนอเรชั่นแล้ว 3 โครงการ ซึ่งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมประมาณ 475 เมกะวัตต์ นอกจากนั้นกลุ่มบริษัทยังมีโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องอีก 10 โครงการในช่วงปี 2555-2562 ซึ่งจะส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมรวมทั้งสิ้น 16 โครงการ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 เมกะวัตต์ ในปี 2562 เพื่อร่วมสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบไฟฟ้าโดยรวมของประเทศ ให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้อย่างพอเพียงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพได้ให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 1 จำกัด และ บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 2 จำกัด ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญในการผลิตกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการของโรงงานอุตสาหกรรมกว่าร้อยแห่งในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ จังหวัดระยอง ซึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมทั้งสองแห่งจะถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิดการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยการใช้ก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสะอาดในการผลิตกระแสไฟฟ้า สอดคล้องกับนโยบายของธนาคารกรุงเทพที่สนับสนุนและส่งเสริมด้านการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากนี้ การก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ยังเป็นการขานรับนโยบายหลักประการหนึ่งของภาครัฐ ที่สนับสนุนและส่งเสริมให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็กกระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ อันจะเป็นการลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นในระบบสายส่งไฟฟ้า เนื่องจากการผลิตและใช้พลังงานไฟฟ้าดังกล่าวตั้งอยู่ ณ สถานที่เดียวกัน และยังเป็นการเพิ่มความมั่นคงและเสถียรภาพของระบบสายส่งไฟฟ้าของประเทศ ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพมีความยินดีให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่โครงการด้านพลังงานตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่
นายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การสนับสนุนโครงการผลิตไฟฟ้าของบริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 1 จำกัด และ บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 2 จำกัด ในครั้งนี้ ธนาคารฯ พิจารณาจากทำเลที่ตั้งโครงการที่มีศักยภาพ และความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม ประกอบกับเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนร่วมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และจะช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศที่ภาครัฐให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเข้าระบบของ กฟผ.
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้านับเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่ในปีนี้ธนาคารกสิกรไทยจะเข้าไปสนับสนุนทั้งในด้านการปล่อยสินเชื่อโครงการและการเป็นผู้นำในการให้คำปรึกษาและสนับสนุนด้านการเงินแก่โครงการผลิตไฟฟ้าในรูปแบบต่าง ๆ ของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากอุตสาหกรรมพลังงานมีการเติบโตอย่างมั่นคง จากความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ