กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--ซินเน็ค
ซินเน็ค มั่นใจนำ PND (Personal Navigation Device) รุ่นใหม่ล่าสุดของ MIO เปิดตลาด เอาใจผู้รักการเดินทาง หลังกระแสตอบรับตลาดโทรศัพท์มือถือ MIO GPS PDA PHONE ดี ตั้งเป้ายอดขายปีแรกไว้ที่ 150 ล้านบาท ไม่หวั่นสภาพเศรษฐกิจประเทศ เชื่อตลาดอุปกรณ์ที่ตอบสนองความต้องการผู้ใช้ยังมีกำลังซื้อต่อเนื่อง
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไอทีแบบครบวงจร กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เปิดตัว MIO PND 2 รุ่นใหม่ล่าสุด คือ รุ่น C 520 และ C 220 ซึ่งเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย โดยเห็นว่าตลาดอุปกรณ์ GPS สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์และ ความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งเดิมค่อนข้างเป็นกลุ่มตลาดเฉพาะ (NICHE MARKET) สามารถขยายกลุ่มผู้ใช้งานให้กว้างขึ้น (MASS MARKET) ทั้งใช้ในชีวิตประจำวัน ในการทำงาน หรือสำหรับกิจกรรมในวันพักผ่อนโดยอุปกรณ์ GPS ดังกล่าว สามารถเป็นผู้นำทางที่ช่วยให้ผู้ใช้ถึงจุดหมายโดยไม่ต้องเสียเวลาหลงเส้นทางการเดินทางอีกต่อไป
“ในประเทศไทยนั้น อุปกรณ์นำทางได้มีการใช้งานในวงการราชการ และเพื่อการพาณิชย์ มาหลายปีแล้ว แต่สำหรับประชาชนทั่วไปนั้น เริ่มได้รับความนิยมในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคา GPS ที่มีแผนที่ประเทศไทยอยู่ที่ราคาเครื่องละ 30,000 บาทขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูง แต่จากการที่ MIO เริ่มรุกตลาดเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยการเปิดตัว GPS PDA PHONE รุ่นแรกของไทยและของโลก ราคาประมาณ 20,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกมากเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของเครื่อง และได้รับการยอมรับจากลูกค้า ทำให้หลายค่ายเริ่มนำสินค้ารุ่นอื่น ๆ เข้ามาทำตลาดในประเทศ ซึ่งจากการที่ราคาของ GPS PDA PHONE ในปัจจุบันมีราคาที่ต่ำลง ส่งผลให้ผู้บริโภคเปลี่ยนจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ธรรมดา มาเป็น GPS PDA PHONE ได้ง่ายขึ้น” ประธานกรรมการบริหาร กล่าว
อย่างไรก็ตาม การเปิดตัว MIO PND ทั้ง 2 รุ่น ยังเป็นการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ของซินเน็ค ในตลาดรถยนต์และประดับยนต์อีกด้วย ซึ่งคุณสมบัติเด่นของ MIO PND C520 มีหน้าจอ กว้าง 4.3นิ้ว ที่พอเหมาะในการใช้งานและขนาดตัวเครื่องกะทัดรัดและพร้อมใช้ฟัง MP3 ดูภาพแบบ photo album และ ยังสามารถเป็นแฮนด์ฟรีติดรถยนต์ เพียงเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านระบบ BLUETOOTH และให้ Mio C520 เป็นอุปกรณ์แฮนด์ฟรีที่สามารถรับสายและโทรออกโดยไม่ต้องยกหู (built-in Bluetooth & microphone for hands-free calling) ราคาเครื่องละ 16,900 บาท ส่วน C220 หน้าจอกว้าง 3.5 นิ้ว และรุ่น C 220 สามารถใช้ติดตั้งได้ทั้งในรถยนต์และจักรยานเสือภูเขา ราคาเครื่องละ 11,900 บาท ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมอุปกรณ์และระบบนำทาง GPS ที่ครอบคลุมแผนที่ทุกจังหวัดทั่วไทย โดยมีจุดที่ค้นหาได้มากกว่า 300,000 จุด พร้อมมีฟังค์ชั่น การใช้งานอื่น ๆ ครบครัน
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของ Mio PND (Personal Navigation Device) เป็นกลุ่มนักธุรกิจคนทำงานรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทางติดต่องาน นักเดินทางท่องเที่ยว และองค์กรที่มีความจำเป็นและต้องการใช้ระบบ GPS โดยในปีแรกนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่อุปกรณ์ จีพีเอส ของ MIO ไว้ที่ 150 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวมตลาดจีพีเอส และ จีพีเอส โฟน ในปี 2007 ซึ่งประมาณ 700 ล้านบาท ตั้งเป้าอัตราการเติบโตไว้ที่ 20% ของตลาดโดยรวม
สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายผู้บริโภคสามารถทดสอบและเลือกซื้อได้ที่ร้านCnex Shop ITcity , Powerbuy , ร้านสมาร์ทโฟน ร้านไอทีทั่วประเทศ ส่วนกิจกรรมการตลาดยังคงให้ความสำคัญกับการ ออกงาน IT/Phone Exhibition และ Road show สินค้าตลอดทั้งปี โดยกิจกรรมที่จะมีขึ้นเร็ว ๆ นี้ ระหว่างวันที่ 28-29 ก.ค. 4-5 ส.ค. 50 ที่ ศูนย์ไอทีและศูนย์การค้าชั้นนำ อาทิ มาบุญครอง เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว พันธ์ทิพย์พลาซ่า เซียร์ รังสิต เป็นต้น โดยจะทำการประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น นิตยสารชั้นนำ Website IT/PDA/Phone หนังสือพิมพ์ธุรกิจ และ กิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อตอบแทนให้กับลูกค้าของ MIO ทั้งนี้คาดว่าจะใช้งบการตลาดกว่า 10 ล้านบาท
ประธานกรรมการบริหาร กล่าวต่อว่า การเปิดตลาด PND (Personal Navigation Device) ในครั้งนี้จะเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำอุปกรณ์ GPS (Global Positioning System) เนื่องจากการเปิดตัว MIO GPS PDA PHONE ในประเทศไทยเพียง 6 เดือน บริษัทฯ ได้รับกระแสการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ และการเปิดตัว MIO PND ทั้งสองรุ่นนี้ คาดว่าจะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าเช่นกัน เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาอัตราการใช้งาน จีพีเอส เทียบกับ จำนวนรถยนต์ที่ใช้งานในประเทศไทย ยังต่ำกว่า 0.5% แต่ในปีนี้คาดว่าจะมีถึง 0.7% โดยนับจากจำนวนรถยนต์จดทะเบียนในปี2550 ซึ่งจะมีประมาณ 7.5 ล้านคัน ถือว่ายังน้อยมากเมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน เป็นต้น และ ในปี 2551 และ 2552 คาดการว่าอัตราการใช้งาน จีพีเอส เทียบกับ จำนวนรถยนต์ที่ใช้งานในประเทศไทย ประมาณ 1.5% และ 2.5% ตามลำดับ อีกทั้งราคาที่ขายอยู่ในตลาดของแบรนด์ MIO ยังมีการกำหนดราคาที่สมเหตุสมผล เมื่อเทียบกับศักยภาพของคุณสมบัติสินค้าแล้วถือได้ว่าผู้บริโภคสามารถหาซื้อเพื่อใช้งานได้โดยง่าย
ด้านมิสโซเนีย ชาน ตำแหน่ง Sale Manager MIO Technology Co., LTD. กล่าวว่า MIO สำหรับการเปิดตลาดในประเทศไทยถือเป็น 1 ใน หลายๆประเทศที่MIOรุกตลาดเพราะMIO มีวางจำหน่ายกว่า 50 ประเทศ โดยบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ GPS ที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก เนื่องจากเป็นตัวแทนผลิตให้กับสินค้ายี่ห้ออื่น ๆ ในตลาด ซึ่งในปี 2006 อุปกรณ์ GPS ภายใต้แบรนด์ MIO มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 3 ของโลก มียอดจำหน่ายมากกว่า 1.4 ล้านเครื่องโดยMIO เป็นผู้ผลิตรายเดียวที่มีอัตราการเติบโตในตลาดPDAอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส และเป็นผู้ผลิตที่มีอุปกรณ์ให้เลือกหลากหลายที่สุด มีทั้งอุปกรณ์ PND มากกว่าสิบรุ่น, GPS PDA และ GPS PDA Phone อย่างไรก็ตาม ในปี 2007 นี้ บริษัท ฯ ได้ตั้งเป้ายอดจำหน่ายไว้ที่ 3 ล้านเครื่อง
ส่วนตลาดในประเทศไทยนั้น MIO เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น จากการที่เข้ามาเปิดตลาดในช่วงที่ต้นปีที่ผ่านมา ถือว่ามีกระแสการตอบรับที่ดี และตลาดในประเทศมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เนื่องจากประชาชนนิยมใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง ประกอบกับศักยภาพของบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด ทำให้มั่นใจได้ว่า MIO PND (Personal Navigation Device) รุ่น C 520 และ C 220 จะโอกาสทางการตลาดได้อย่างแน่นอน
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net