กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--ไทยเบฟเวอเรจ
“... นักลงทุนสถาบัน และกองทุนต่างๆ ทั่วโลก ต้องยอมรับโดยปริยายว่า หุ้นไทยเบฟ เป็นหุ้น ‘บลูชิพ’ ที่มีความมั่นคง และน่าลงทุนที่สุด ในระดับ “ท็อป 50” ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ...” หุ้นบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (ตัวย่อในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์: THBEV) ได้รับการยอมรับเป็นหุ้นชั้นดี (หุ้นบลูชิพ) ในสายตานักลงทุนต่างประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก สิงคโปร์เพรสโฮลดิ้งส์ ผู้จัดทำดัชนีอ้างอิงสเตรทส์ไทมส์ (Straits Times Index - STI) ซึ่งได้รับการยอมรับจากนักลงทุนทั่วโลก ประกาศนำหุ้น THBEV ผู้ผลิตเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย เข้าคำนวณในดัชนี STI ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ปีนี้ เป็นต้นมา
ดัชนี STI นี้ ได้รับการคำนวณจาก 50 หลักทรัพย์ (บจ.) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์
ดัชนี STI ได้รับการยอมรับในกลุ่มนักลงทุนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันและกองทุนต่าง ๆ ทั่วโลก ตั้งแต่เริ่มมีการนำมาใช้ในปี 2541 โดยสิงคโปร์เพรสโฮลดิ้งส์ ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และศาสตราจารย์ซือ เหยียว กวน (Professor Tse Yiu Kuen) จากมหาวิทยาลัยเพื่อการจัดการแห่งสิงคโปร์ (Singapore Management University)
ซึ่งก็หมายความว่า นักลงทุนสถาบัน และกองทุนต่างๆ ทั่วโลก ต้องยอมรับโดยปริยายว่า หุ้นไทยเบฟ เป็นหุ้น ‘บลูชิพ’ ที่มีความมั่นคง และน่าลงทุนที่สุด ในระดับ “ท็อป 50” ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์
สำหรับเกณฑ์ที่ใช้กับ บมจ. ไทยเบฟเวอเรจ (ไทยเบฟ) คือการที่หุ้นบริษัทมีสภาพคล่องสูง ด้วยปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 25 ล้านหุ้นต่อวัน นับตั้งแต่หุ้นบริษัทมีการเสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2549 ประกอบกับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market capitalization) ที่สูงถึงประมาณ 6.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 155.4 พันล้านบาท และการมีหลักทรัพย์หมุนเวียนในตลาด (Free float) ที่สูงถึง 22.12%. โดย ไทยเบฟ มีทุนจดทะเบียน 25.110 พันล้านหุ้น (Par = 1.00 บาท)
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ไทยเบฟ กล่าวว่า “ผมมีความยินดีและภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่หลักทรัพย์ไทยเบฟเวอเรจได้รับการคำนวณในดัชนีอ้างอิงที่ได้รับการยอมรับกันอย่างกว้างขวางในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ หรือ SGX นี้ หลังจากที่เราได้ประกาศขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกเพียง 8 เดือน คือ ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2549”
“ไทยเบฟ ถือเป็นหลักทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในรอบ 13 ปีที่มีการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เราได้ให้คำมั่นกับ SGX ว่าเราจะไม่เป็นเพียงบริษัทที่เป็นไปตามความคาดใหม่ของนักลงทุนเท่านั้น แต่เรายังจะทำให้เหนือความคาดหมายของพวกเขาด้วย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เราได้ให้ความสำคัญอย่างมากกับการเปิดเผยข้อมูล และความโปร่งใส ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนตอบรับกับหุ้นของเราอย่างมาก สะท้อนจากปริมาณการซื้อขายหุ้นไทยเบฟโดยเฉลี่ยในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์กว่า 25 ล้านหุ้นต่อวัน นับแต่แต่หุ้นของเราเข้าจดทะเบียน” นายฐาปนกล่าว
“ยุทธวิธีของเราที่เรายึดถือมาตลอด คือการให้ภาพที่แท้จริงของบริษัทของเรา ในฐานะผู้นำในการผลิตเครื่องดื่มในประเทศไทย รวมถึงการให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าของเรา ซึ่งส่งผลให้เราเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง และเป็นไปตามความคาดหมาย ด้วยสิ่งต่าง ๆ ดังกล่าว ประกอบกับข้อมูลของเราที่นักลงทุนในตลาดฯ รับรู้อย่างต่อเนื่อง ผมเชื่อว่า เป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้นักลงทุนรู้สึกมั่นใจในการถือหุ้นไทยเบฟ” นายฐาปนกล่าว