กรุงเทพฯ--13 มิ.ย.--oopsmedia
สาวสวยมากความสามารถ “เปียเชอร์ เอี่ยมสอาด” จบการศึกษาระดับปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ อดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสารแฟชั่นและบิวตี้สไตล์ญี่ปุ่น “Ichigo” และบรรณาธิการพ็อคเก็ตบุ๊คอาหารญี่ปุ่น “ Aroi Japan” ปัจจุบันทำงานในตำแหน่ง Creative Manager ของบริษัท Live TV ครีเอตเนื้อหาดีๆในช่อง POP , มิติ 4, ไทยไชโย, สปอร์ตพลัส รวมถึงคิดไอเดียเจ๋งๆ ของงานอีเว้นท์ โรดโชว์ ต่างๆของบริษัท นอกจากนี้ยังเข้าไปสานต่อธุรกิจของครอบครัวกับบริษัท P T I (Patta) ซึ่งเป็นบริษัทรับจัดคอนเสิร์ตระดับพรีเมียม ผลงานต่างๆที่ผ่านมาก็จะมีคอนเสิร์ตอีทีซีและอ๊อฟ ปองศักดิ์ ที่มีแขกภายในงานตั้งแต่ระดับราชนิกูล รัฐมนตรี จนถึงท่านทูต จนถึงคอนเสิร์ตถัดมาของหนุ่มหล่อ แหนม รณเดชและเบล สุพล ที่สร้างความฮือฮาด้วยการแจกแหวนเพชร 1 กะรัต ซึ่งในขณะนี้กำลังเตรียมงานสำหรับคอนเสิร์ตหมายเลข 3 อยู่ รับรอง talk of the town แน่นอน คาดว่าน่าจะมีขึ้นประมาณปลายเดือนกันยายน “ตอนนี้มีคอนเสิร์ต ให้เลือกชมกันมากมาย ซึ่งรูปแบบก็จะซ้ำๆ กันไปหมด เปียเชอร์เลยอยากสร้างและครีเอทคอนเสิร์ตให้ดูแปลกใหม่ น่าค้นหา และไม่เหมือนใคร เพราะทุกวันนี้คอนเสิร์ตส่วนใหญ่ก็ใช้นักร้องซ้ำๆกัน รูปแบบก็เดิมๆ ผู้ชมก็คงจะเบื่อเหมือนกัน แต่สิ่งที่จะทำให้เราต่างออกไป คือ คอนเซ็ปต์หรือไอเดียค่ะ ถ้าคอนเซ็ปต์เราเจ๋งจริงๆ ถึงแม้จะใช้นักร้องซ้ำกัน คนก็ยังอยากติดตามค่ะ เปียเชอร์เป็นคนเก็บรายละเอียดทุกจุด วัดจากความรู้สึกว่า ถ้าเราเป็นผู้ชม เราอยากจะชมคอนเสิร์ตนี้ไหม ต้องให้เค้ารู้สึกคุ้มค่ากับทุกบาททุกสตางค์ที่เค้าซื้อบัตรมาชมคอนเสิร์ตของเรา ทุกขั้นตอนเราลงมากำกับด้วยตัวเอง ทั้งเขียนบท และเลือกเพลงเอง รวมถึงพูดคุยปรึกษากับนักร้องอย่างละเอียดเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด” เปียเชอร์กล่าว
ทั้งหมดนี้ จึงเป็นที่มาที่สื่อมวลชนหลายแขนง เขียนชมคอนเสิร์ตของเธอทุกครั้งว่า สุดยอดจริงๆ เป็นที่สุดแห่งความประทับใจ ที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ต้องเข้าไปดู ถึงจะรู้ มีหลายซีน ที่ผู้ชมต้องลุกขึ้นมาปรบมือให้ รวมถึงผู้คนในแวดวงชั้นสูง ก็ยังรอคอยอยู่ว่า เมื่อไหร่ที่เธอจะจัดคอนเสิร์ตขึ้นอีกครั้ง ส่วนอีกหนึ่งกิจการที่เปียเชอร์สร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองก็คือ ร้านดีวา ดีว่า ซาลอน ร้านทำผมสไตล์คลาสสิค เน้นการตกแต่งโทนสีขาวดำ ซึ่งเป็นสีโปรดของเปียเชอร์ ส่วนฝีมือไม่ต้องห่วง เพราะช่างทำผมของที่ร้านเป็นแฮร์สไตล์ลิสท์ให้กับดาราดังๆมาแล้วมากมาย และยังใช้ผลิตภัณฑ์แบรนด์หรู คุณภาพดี แต่ราคาไม่แพง “ร้านดีวา ดีว่า ใช้ผลิตภัณฑ์เกรดเดียวกับในห้างเลยค่ะ แต่เราคิดราคาไม่แพง เพราะค่าเช่าสถานที่เราถูก เรียกว่าถูกกว่าในห้างหลายเท่าเลยค่ะ ลูกค้าส่วนใหญ่จึงยอมขับรถไกลๆ มาใช้บริการกันเยอะ เพราะมองว่าประหยัดเงินไปได้หลายพันบาท และก็สวยเหมือนกัน” สาวเปียเชอร์กล่าว แวะเวียนมาใช้บริการกันได้หรือสอบถามได้ที่ 085-836-5111 เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.facebook.com/divadivasalon ส่วนเสาร์-อาทิตย์ ก็มาจัดรายการที่คลื่นโอเคเลิฟ ช่วงเวลา 13.00-16.00 น. สไตล์การจัดรายการจะสนุกสนาน เฮฮา ออกแนวโก๊ะๆ หน่อย แฟนๆ รายการบอกว่า เปียเชอร์เปิดเพลงได้โดนใจคนเศร้ามากๆ ฟังแล้วน้ำตาไหลพราก ถ้าจะมาฟังช่วงเปียเชอร์ ต้องเตรียมกระดาษทิชชูไว้ข้างๆตัวเลยล่ะ ที่สำคัญเปียเชอร์รักอาชีพดีเจมาก ทำมานานหลายปีแล้ว ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาส
หลายคนสงสัยว่า เปียเชอร์ทำงานเยอะขนาดนี้ มีเวลาพักผ่อนหรือเปล่า ขอบอกว่า มีเวลาพักเยอะเลยค่ะ ถึงแม้จะทำงาน 7 วัน ตั้งแต่ 9.00-22.00 น. ก็ยังสามารถบริหารเวลาได้ ทุกวันนี้จัดสมดุลชีวิตลงตัวมากๆ มีเวลาพักผ่อน นอนหลับ ช้อปปิ้ง แต่งตัว เหมือนคนอื่นๆ เปียเชอร์เลยค่อนข้างงง กับคนที่ชอบบอกว่าไม่มีเวลา
ในอนาคตมีอีกหลายอย่างที่อยากทำมากๆ เช่น ทำรายการเพลง หรือ รายการท่องเที่ยวต่างประเทศ ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ว่าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง ใช้ทีมงานประมาณกี่คน ส่วนในชีวิตบั้นปลาย ก็อยากเปิดรีสอร์ท หรือโรงแรมริมทะเล อาจจะเป็นพูลวิลล่าเล็กๆ ประมาณ 10-20 ห้อง เปิดเล็กๆ แต่มีเอกลักษณ์ดีกว่าค่ะ และที่สำคัญคือ เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงมาก อยากอยู่เงียบๆ เป็นคนติดดิน ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ขับรถ ไม่มีอะไรหวือหวาหรือตื่นเต้นเลย เลยคิดว่าการไปอยู่ใกล้ๆ ทะเล น่าจะเหมาะกับเราที่สุด ก็ต้องดูกันต่อไปว่าตอนนั้นจะพร้อมแค่ไหน หรืออาจจะเปลี่ยนใจไปแล้วก็ได้ แต่สุดท้ายแล้ว อาชีพสุจริตอะไรก็ได้ที่เลี้ยงดูเราและพ่อแม่ได้ ก็พอแล้วค่ะ เพราะพ่อแม่ทำงานมาหนักมาก ต้องถึงเวลาพักผ่อนแล้ว แต่ว่าตอนนี้ต้องขอทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก่อน ส่วนอนาคตอาจจะแพ้บ้าง ถอยบ้าง ก็ไม่เป็นไร เปียเชอร์ว่า คนเก่งจริงจะต้องรู้จังหวะชีวิตว่าเวลาไหนควรหยุด เสียบางอย่างไป เราอาจจะได้อีกสิ่งที่คุ้มกว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เปียเชอร์จะไม่นั่งจมอยู่กับอดีตเด็ดขาด เพราะมันไม่มีประโยชน์ สาวเปียเชอร์กล่าวทิ้งท้าย