กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--กระทรวงพาณิชย์
พณ. เปิดยุทธศาสตร์ตลาดค้าข้าว เพื่อเพิ่มปริมาณส่งออก เพิ่มมูลค่าเชิงคุณภาพข้าวไทยกับงานThailand Rice Convention และกิจกรรม World Rice Standard Summit 2011
กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) โดยกรมการค้าต่างประเทศ จัดงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติครั้งสำคัญของประเทศ ภายใต้ชื่องานประชุมสัมมนาเชิงวิชาการ Thailand Rice Convention และกิจกรรม World Rice Standard Summit 2011 เพื่อแสดงศักยภาพความเป็นผู้นำอันดับ 1 ของโลก ด้านการผลิตและส่งออกข้าว “Thai Rice : The Best Rice of the World” ให้กับคู่ค้าจากต่างชาติที่เข้าประชุมในครั้งนี้กว่า 50 ประเทศ ทั้งสิ้นกว่า 500 คน ได้ทราบถึงคุณภาพ มาตรฐานของข้าวไทย เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าจากประเทศที่จะมาเข้าร่วมการประชุมวิชาการและดูงานที่จังหวัดนครสวรรค์ โดยการจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักของการดำเนินงานในปี 2554 ของกรมการค้าต่างประเทศที่จะมุ่งให้เกิดมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจของตลาดส่งออกข้าวของประเทศไทย และคาดว่าจากกิจกรรมดังกล่าวจะสามารถช่วยผลักดันให้มูลค่าการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่ 9.05 ล้านตัน เพิ่มขึ้ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของมูลค่าตลาดเดิม
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 และในปี 2553 ยอดการส่งออกข้าวอยู่ที่ 9.05 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 5,345 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 168,634 ล้านบาท โดยราคาส่งออกเฉลี่ยที่ประมาณตันละ 591 เหรียญสหรัฐ ปีที่ผ่านมาตลาดการค้าข้าวของโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นในปี 2554 กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จึงเร่งเดินหน้าดำเนินงาน เพื่อหาแนวทางในการเพิ่มปริมาณส่งออกข้าวให้มากขึ้น ดังนั้นการประชุมสัมมนาเชิงวิชาการ Thailand Rice Convention และกิจกรรม World Rice Standard Summit 2011 ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ จะเป็นประตูทางการค้าครั้งสำคัญที่จะเชื่อมต่อการค้าภาครัฐจากทั้งสิ้น 50 ประเทศที่จะเข้าร่วมงานประชุมวิชาการในครั้งนี้ โดยหากการประชุมวิชาการและการจัดงานมหกรรมข้าวไทยในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ เชื่อว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานของข้าวไทย ระบบการค้าที่มีประสิทธิภาพ และศักยภาพการผลิตส่งออกข้าวของประเทศได้ นั่นหมายถึงการเพิ่มปริมาณยอดการส่งออกข้าวในปีนี้ที่จะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวไทยได้ถึงการเป็นข้าวที่มีคุณภาพ และเป็นการประชาสัมพันธ์ถึงประเทศไทย เป็นประเทศเดียวในโลกที่มีความหลากหลายของพันธ์ข้าวไทยที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดโลกได้อย่างเหมาะสม
นางพรทิวา กล่าวอีกว่า การประชุมสัมมนาเชิงวิชาการ Thailand Rice Convention และกิจกรรม World Rice Standard Summit 2011 การจัดงานในครั้งนี้ถือว่ายิ่งใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เนื่องด้วยเป็นปี มหามงคล เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษา ซึ่งถือเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงให้ความสำคัญในด้านเกษตรกรรม โดยเฉพาะข้าวไทยที่เป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ โดยการจัดงานประชุมวิชาการ Thailand Rice Convention และกิจกรรม World Rice Standard Summit 2011 จะเป็นโอกาสอันดีของประเทศที่จะได้ร่วมเจรจาทางการค้า ขยายตลาดส่งออก ประชาสัมพันธ์ข้อมูลผลิตภัณฑ์ของข้าวไทย ให้กับกลุ่มผู้แทนทางการค้าภาครัฐกว่า 50 ประเทศได้ทราบ โดยแบ่งกลุ่มผู้แทนทางการค้าเป็น 2 ส่วนหลัก คือ 1.หน่วยงานที่นำเข้าข้าวของประเทศผู้ซื้อที่สำคัญทั่วโลก ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน จีน ฮ่องกง บังคลาเทศ กานา ไนจีเรีย แอฟริกาใต้ เซเนกัส เป็นต้น 2. หน่วยงานกำกับดูแลนำเข้าข้าวในประเทศผู้ผลิต และผู้ส่งออก (คู่แข่ง) ได้แก่ เวียดนาม พม่า กัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนลาว เป็นต้น โดยการเดินทางมาในครั้งนี้นอกจากกลุ่มผู้แทนทางการค้าแล้ว ยังประกอบด้วยสื่อมวลชนจากต่างประเทศที่เข้าร่วมทำข่าว เพื่อประชาสัมพันธ์งาน และตลาดข้าวไทยไปทั่วโลก
นางพรทิวา กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานประชุมสัมมนาเชิงวิชาการ Thailand Rice Convention และกิจกรรม World Rice Standard Summit 2011 ยังได้นำคณะผู้แทนดังกล่าวลงพื้นที่ เพื่อศึกษาดูงานเกี่ยวกับกระบวนการผลิต ระบบการค้าข้าวเสรี ประสิทธิภาพครบวงจร โดยกรมการค้าต่างประเทศได้วางกิจกรรมดูงานในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ณ ท่าข้าวกำนันทรง ซึ่งเป็นตลาดกลางค้าข้าวสารที่ใหญ่ และเป็นศูนย์กลางรวบรวมและกระจายสินค้าข้าวสารจากจังหวัดในภาคเหนือ และส่งออกกระจายไปตลาดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และส่งต่อไปยังตลาดต่างประเทศ และมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งด้านราคา และคุณภาพ โดยการจัดงานครั้งนี้กรมการค้าต่างประเทศมุ่งหวังให้เกิดการขยายตลาดใหม่ในกลุ่มคู่ค้าต่างประเทศในอนาคต และยังเป็นการรักษาฐานคู่ค้าเดิมไว้ ซึ่งในการเข้าประชุมวิชาการ และลงพื้นที่เพื่อศึกษาดูงานจะเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ประเทศไทยจะได้ประชาสัมพันธ์ถึงผลผลิตข้าวไทยที่เป็นประเทศเดียวในโลกที่มีพันธ์ข้าวหลากหลายให้เลือกบริโภค ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นการตอกย้ำถึงระบบการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม อันเป็นกลไกที่สำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มผู้แทนทางการค้าที่เข้าร่วมประชุมสัมมนาในครั้งนี้ และยังเป็นตัวแปรในการขับเคลื่อน พัฒนาตลาดข้าวไทยให้ตรงตามความต้องการของตลาดในแต่ละประเทศ เกิดการเจรจาซื้อขายข้าวล่วง ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ เกษตรกร ชาวนา ถึงการมีตลาดรองรับที่แน่นอนในอนาคต
“การประชุมสัมมนาเชิงวิชาการ Thailand Rice Convention และกิจกรรม World Rice Standard Summit 2011 กรมการค้าต่างประเทศได้วางเป้าหมายความสำเร็จ คือให้ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางตลาดค้าข้าวโลก และถือเป็นการเตรียมความพร้อมในอนาคตสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 โดยได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิจากทั้งในและต่างประเทศ มาแลกเปลี่ยนความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อวงการการค้าข้าวโลก และเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดี แก่ผู้ซื้อและผู้นำเข้าจากทั่วโลก และได้รับเกียรติจากปลัดกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ข้าวไทย...สุดยอดข้าวของโลก” ในส่วนของกิจกรรมการแสดงปาฐกถาพิเศษ World Rice Standard Summit 2011 จะมีขึ้นในวันที่ 22 — 23 มิถุนายน 2554 ณ โรงแรมแกรนด์ฮิลล์ รีสอร์ท จังหวัดนครสวรรค์ ประกอบด้วยการเสวนาถึง ยุทธศาสตร์ข้าวไทยและมาตรฐานหอมมะลิไทย พร้อมเยี่ยมชมนาข้าวและโรงสีในจังหวัดนครสวรรค์ ดังนั้น ในการดำเนินงานประชุมวิชาการ Thailand Rice Convention & World Rice Standard Summit 2011 และมหกรรมข้าว ถือเป็นหนึ่งในความตั้งใจในการดำเนินงานของกรมการค้าต่างประเทศที่มุ่งมั่น ให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของประเทศไทยในเชิงรุก ที่กรมฯ มุ่งหาแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจแบบยั่งยืนที่จะเคียงข้างทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในปีนี้จะมีการส่งออกข้าวที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและมั่นคง” นางพรทิวา กล่าวในที่สุด