กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
เอชพี ย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยีคลาวด์ ต่อยอดพอร์ทโฟลิโอโซลูชั่น Hybrid Delivery สนับสนุนองค์กรธุรกิจต่างๆ ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของลูกค้าและผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว
สภาพแวดล้อมแบบ Hybrid Delivery คือ การผนวกรวมระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีแบบเดิมเข้ากับระบบคลาวด์ทั้งแบบส่วนตัวและแบบสาธารณะ โดยใช้รูปแบบการให้บริการที่ยืดหยุ่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของตลาดได้อย่างดีที่สุด ส่งผลให้องค์กรต่างๆ มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น
ผลการวิจัยล่าสุดที่จัดทำในนามของเอชพี ระบุว่า ผู้บริหารในภาครัฐและธุรกิจร้อยละ 95 เชื่อว่า ความคล่องตัวคือกุญแจสำคัญที่ทำให้องค์กรต่างๆ ประสบความสำเร็จ ขณะที่การลงทุนด้านเทคโนโลยีเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความคล่องตัวให้แก่องค์กรต่างๆ ในอีก 5 ปีข้างหน้า (1)
เพิ่มความคล่องตัวให้แก่องค์กรต่างๆ ด้วยสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดโซลูชั่น HP CloudSystem คือ แพลทฟอร์มแบบเปิดและครบวงจรที่สมบูรณ์ที่สุดใช้สำหรับการสร้างสรรค์และจัดการบริการต่างๆ บนสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ส่วนตัว คลาวด์สาธารณะ และคลาวด์แบบผสมหรือไฮบริดคลาวด์ นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการทำงานแบบ “dual bursting” เป็นรายแรกในอุตสาหกรรม
ไอที เพื่อช่วยลูกค้าดูแลและจัดการความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างราบรื่น ทั้งยังสามารถจัดสรรหรือปรับเพิ่มหรือลดทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว โดยผ่านผู้ให้บริการระบบคลาวด์สาธารณะ หรือผ่านการใช้บริการคลาวด์แบบจ่ายตามการใช้งานจริง (pay-as-you-go cloud model)
นอกจากนี้ เอชพียังเปิดตัวโซลูชั่นโปรแกรม HP CloudAgile ครบวงจรที่ให้บริการครอบคลุมพอร์ทโฟลิโอระดับองค์กรทั้งหมดของเอชพี อาทิ โซลูชั่น CloudSystem ทั้งนี้ โปรแกรมดังกล่าวช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงฝ่ายขายและเครือข่ายพันธมิตรด้านต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วโลกของเอชพีได้โดยตรง เพื่อให้ผู้ใช้งาน ซึ่งได้แก่ผู้ให้บริการต่างๆ สามารถสร้างรายได้และมีความคล่องตัวทางด้านการเงินได้เร็วขึ้น ทั้งยังมีลู่ทางในการให้บริการคลาวด์ใหม่ๆ ได้มากขึ้น ยกระดับสภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยี ทางเลือกในการจัดสรรทรัพยากรบริการ HP Hybrid Delivery สนับสนุนลูกค้าให้เลือกวิธีการให้บริการที่ดีและเหมาะสมกับองค์กรและสภาพแวดล้อมของตนมากที่สุด ประกอบด้วย
บริการ HP Support Services for CloudSystem เป็นบริการสนับสนุนจากจุดเดียวทั้งทางด้านบริการสนับสนุนระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างครบวงจร บริการครอบคลุมทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง บริการป้องกันปัญหาเชิงรุก และบริการสนับสนุนจากระยะไกล (HP Remote Support) แบบอัตโนมัติ องค์กรสามารถปรับเปลี่ยนทรัพยากรจากมิติแห่งการแก้ไขปัญหาสู่มิติแห่งการสร้างสรรค์นวัตกรรม ส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าและผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว
บริการ HP CloudStart มุ่งขยายสมรรถนะของโซลูชั่น
HP CloudSystem เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถกำหนดบริการคลาวด์ส่วนตัวระยะแรก จัดการค่าใช้จ่ายและการเงินภายในองค์กร ตลอดจนยึดถือและปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยและการสำรองข้อมูลของลูกค้าอย่างเคร่งครัด โดยมาพร้อมกับฟังก์ชั่นการทำงานใหม่ๆ ที่ทำให้การใช้แอพพลิเคชั่นระดับพื้นฐาน การติดตามการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับต่างๆ และการจัดการกลุ่มข้อมูลในระบบคลาวด์ส่วนตัวเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ทำให้ลูกค้าเข้าใจถึงคุณประโยชน์ของระบบคลาวด์คอมพิวติ้งที่ทำงานภายในช่วงเวลาที่จำกัดได้อย่างดี
หลักสูตรและโปรแกรมการฝึกอบรมสำหรับโซลูชั่น HP CloudSystem ใหม่จากหน่วยงาน HP Education Services จะช่วยลูกค้าให้มีความรู้และบริหารการเปลี่ยนแปลงเพื่อเข้าใจถึงศักยภาพในการลงทุนด้านเทคโนโลยีคลาวด์อย่างเต็มประสิทธิภาพ
มอบบริการด้านการรักษาความปลอดภัยบนระบบคลาวด์
บริการด้านการรักษาความปลอดภัยรุ่นใหม่ของเอชพีเปิดให้บริการผ่านระบบคลาวด์ เพื่อช่วยขจัดความเสี่ยงของการเกิดการโจรกรรมระบบรักษา
ความปลอดภัย ในขณะเดียวกันยังช่วยลดงบประมาณที่ใช้ในระบบรักษา
ความปลอดภัย ประกอบด้วยบริการอันโดดเด่นดังนี้
บริการ HP Enterprise Cloud Service — Vulnerability Scanning ช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญหายของข้อมูล หรือการเข้าใช้ข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยการลดความผิดพลาดทั่วไปเกี่ยวกับการรักษา
ความปลอดภัย บริการดังกล่าวจะตรวจจับการทำงานของอุปกรณ์เครือข่าย อาทิ เครื่องเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่ายที่อาจมีการโจรกรรมเกิดขึ้น
บริการ HP Enterprise Cloud Service — Vulnerability Intelligence มุ่งเน้นให้ข้อมูลเกี่ยวกับการคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อให้ลูกค้าดำเนินการแก้ไขอย่างถูกต้อง โดยใช้ข้อมูลที่ตรงตามเป้าหมาย ก่อนเกิดปัญหาระบบเครือข่ายล่มหรือสูญหาย
นอกจากนี้ เอชพียังเปิดตัวโซลูชั่นบริการ HP Cloud Services Enablement for Communications as a Service (HP CSE for CaaS) ใหม่ โดยบริการดังกล่าวสนับสนุนผู้ให้บริการด้านสื่อสารให้มีความสามารถในการให้บริการแก่ลูกค้าที่เป็นธุรกิจขนาดกลางและเล็กให้ได้รับประโยชน์ทางด้านราคาที่มีอย่างหลากหลาย และระบบบริการแบบ on-demand ที่มีความยืดหยุ่นสูง นอกจากนี้ บริการ HP CSE for CaaS ยังสนับสนุนบริษัทการสื่อสารด้านบรอดแบนด์ทั้งแบบมีสายและแบบไร้สายให้มีความสามารถในการให้บริการไอทีและการสื่อสารอย่าง ครบวงจรจากจุดเดียว (one stop shop) อาทิ การรับส่งข้อความ บริการคอลลาบอเรชั่น และบริการเสียงแบบอัตโนมัติ ส่งผลให้ผู้ให้บริการด้านสื่อสารสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ดร. เบง เทค เลียง กรรมการผู้จัดการ และผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจ เอ็นเทอร์ไพรส์ บิสิเนส เอชพี ประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบัน องค์กรต่างๆ ตระหนักดีว่า ความคล่องตัวมีความสำคัญต่อการสร้างความสำเร็จให้แก่องค์กรของตน ทั้งยังขับเคลื่อนให้องค์กรมีแต้มต่อในการแข่งขันสูงขึ้น ด้วยประสบการณ์อันลึกซึ้งทางด้านไอที เสริมด้วยพอร์ทโฟลิโอที่หลากหลายและครอบคลุม และความเป็นองค์กรที่ให้บริการทั่วโลก ทำให้เอชพีมีบทบาทสำคัญในการช่วยสนับสนุนธุรกิจและรัฐบาลในประเทศต่างๆ ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคลาวด์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนองค์กรต่างๆ ให้ก้าวสู่การเป็นองค์กรแบบ Instant-On Enterprise ได้อย่างราบรื่น”
ในโลกที่มีการเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง แนวคิดแบบ Instant-On Enterprise คือ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในทุกกิจกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า พนักงาน พันธมิตร และประชาชนได้อย่างตรงจุดและโดยทันที
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ของเอชพี เข้าไปดูได้ที่ www.hp.com/go /agility2011
(1) “The State of Agility,” research by Burson-Marsteller on behalf of HP, March 2011.