mai หนุนธุรกิจไทยโต เผย 12 ปี บจ.ระดมทุนแล้วกว่า 16,000 ล้านบาท

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 21, 2011 14:24 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--ตลท. ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เผย 12 ปี เป็นแหล่งระดมทุนให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กกว่า 16,000 ล้านบาท มูลค่าตลาดรวม (Market Capitalization) 96,000 ล้านบาท ระบุมี 10 บริษัทใน mai เติบโตและย้ายไป SET มุ่งดึงธุรกิจที่มีศักยภาพเข้าจดทะเบียน เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและเพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุน นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai นับเป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งของการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กของไทย เพราะมีธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จจากการเข้าจดทะเบียนใน mai โดยมีบริษัทใน mai จำนวน 10 แห่งที่เติบโตและย้ายไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) นอกจากนี้ บริษัทใน mai หลายบริษัทยังมีผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่อง ทั้งยอดขายและกำไร โดยไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส 1/2554) บริษัทใน mai มีกำไรเพิ่มเกือบเท่าตัว นายชนิตรกล่าวว่า “ตลอด 12 ปีของ mai ได้ทำหน้าที่เป็นแหล่งระดมทุนทั้งสิ้นกว่า 16,000 ล้านบาท โดยมีมูลค่าตลาดรวม 96,000 ล้านบาท หากนับรวม 10 บริษัทที่ย้ายเข้าไปซื้อขายอยู่ใน SET และศักยภาพของบริษัทใน mai พบว่า ณ สิ้นปี 2553 มียอดขายรวม 77,000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,500 ล้านบาท มีการจ้างงานกว่า 27,000 คน มีอัตราผลตอบแทนต่อเงินปันผลเฉลี่ย 4.8% ด้วยมูลค่าสินทรัพย์รวมถึง 92,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ได้อย่างดีถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจขนาดกลางในประเทศไทยที่มีบทบาทชัดเจนยิ่งขึ้นในเศรษฐกิจไทยปัจจุบัน” “นอกจากศักยภาพในการดำเนินธุรกิจแล้ว บริษัทใน mai มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องในด้านการกำกับดูแลกิจการและการเป็นที่ยอมรับในระดับสากลซึ่งเป็นการสร้างมาตรฐานและความน่าสนใจสำหรับผู้ลงทุน โดยในปี 2553 ที่ผ่านมาถือเป็นครั้งแรกของบริษัทจดทะเบียนใน mai ได้แก่ บมจ.ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ (L&E) ที่ได้รับผลการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน (Corporate Government Report of Thai Listed Companies 2010) ระดับ 5 ดาว และมีบริษัทใน mai 6 บริษัท ได้รับรางวัล 200 Best Under a Billion จากนิตยสาร FORBES ASIA ในปี 2007—2010 ได้แก่ บมจ. ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง (UEC) บมจ.บิซิเนส ออนไลน์ (BOL) บมจ.ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) บมจ.ควอลลีเทค (QLT) บมจ.โรงพยาบาลไทยนครินทร์ (TNH) และ บมจ.ไทย เอ็น ดี ที (TNDT) โดยล่าสุด บมจ. เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) เป็นบริษัทเดียวใน mai ที่ได้รับรางวัล Asia’s Best Companies 2011 Best Small-cap จากนิตยสาร FinanceAsia นอกจากนี้ยังมี 2 บริษัทใน mai ที่ได้รับรางวัล Best CEO Awards (mai) จากงาน SET Awards ปี 2008 และปี 2010 คือ บมจ.โรงพยาบาลไทยนครินทร์ (TNH) และ บมจ. พลาสติค และหีบห่อไทย (TPAC)” นายชนิตรกล่าว ในวันครบรอบ 12 ปี การดำเนินงานของ mai ครั้งนี้ mai ได้จัดงาน mai’s 12th Anniversary เพื่อแสดงความขอบคุณต่อผู้ร่วมก่อตั้งและพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ mai ที่ได้มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพของบริษัทไทยให้สามารถเติบโตไปสู่ระดับมาตรฐานสากล ซึ่งประกอบด้วยคณะอนุกรรมการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ mai คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คณะที่ปรึกษาตลาดหลักทรัพย์ mai และหน่วยงานภาครัฐโดยเฉพาะกระทรวงการคลังซึ่งให้การสนับสนุนในเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ mai ตลอดจนพันธมิตรต่าง ๆ ที่ให้การสนับสนุน รวมทั้งเป็นการแสดงถึงความตั้งใจที่จะให้การสนับสนุนผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ mai เป็นแหล่งระดมทุนเพื่อการเติบโตของธุรกิจขนาดกลางและเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ก้าวหน้าต่อไป นอกจากนี้ได้มีการแถลงข่าวจัดตั้ง สมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai Listed Companies Association : maiA) ซึ่งร่วมกันจัดตั้งโดยผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนใน mai เพื่อเป็น role model ให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งสมาคม maiA นี้จะเป็นอีกหนึ่งแรงที่ช่วยผลักดันให้เกิดการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เดิมชื่อตลาดหลักทรัพย์ใหม่ เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2542 โดยมีบริษัทเข้าจดทะเบียนจำนวน 3 บริษัท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 131 ล้านบาท ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2548 ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียน รวม 69 บริษัท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 77,000 ล้านบาท เติบโตจาก 430 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าตามราคาตลาดในปีแรกที่เริ่มมีบริษัทเข้าจดทะเบียน ปัจจุบัน (ณ 20 มิถุนายน 2554) ดัชนี mai อยู่ที่ 292.35 จุด เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2553 มี P/E 19.47 เท่า และ P/BV 2.59 เท่า โดยปี 2554 นี้เป็นปีที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูงสุดเท่ากับ 637 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากปี 2553 ทั้งนี้มีบริษัทที่เติบโตและย้ายเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 10 บริษัท โดยมี 2 บริษัทที่ได้รับคัดเลือกเพื่อคำนวณดัชนี SET 100 ได้แก่ บมจ.มิลล์คอน (MILL) และ บมจ. สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ (SF)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ