กรุงเทพฯ--4 เม.ย.--สปส.
สำนักงานประกันสังคม (สปส.) แจ้งยอดการจัดเก็บเงินสมทบและการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกันตนที่ได้งานทำแล้ว แจ้งข้อมูลแก่สำนักงานจัดหางาน
นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2547 ที่สปส.ให้สิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2550 สปส.จ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานไปแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 2,348 ล้านบาท โดยสปส.ได้มีการวินิจฉัยจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานด้วยคอมพิวเตอร์ระบบ Online ซึ่งการประมวลผลตัดจ่ายเงินในกรณีดังกล่าว จะดำเนินการด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทุกวันและโอนเงินจากส่วนกลางเข้าบัญชีธนาคารให้แก่ผู้ประกันตนแต่ละรายโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ระบบคอมพิวเตอร์จะตรวจสอบเงื่อนไขให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด กล่าวคือ ต้องมีข้อมูลการรายงานตัวต่อสำนักงานจัดหางานตรงตามกำหนดและ ไม่ปฏิเสธงานหรือการฝึกงาน
ในส่วนของผู้ประกันตนที่ได้รับความคุ้มครองในกรณีว่างงานนั้นจะต้องเป็นผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบเข้า กองทุนประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือนภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนการว่างงานและ เมื่อว่างงาน ไม่ว่าจะเป็นลาออก สิ้นสุดสัญญาจ้าง หรือถูกเลิกจ้างให้รีบไปขึ้นทะเบียนหางานที่สำนักงานจัดหางานของรัฐ เพื่อขอรับเงินทดแทนตามสิทธิที่ผู้ประกันตนพึงจะได้รับจากสำนักงานประกันสังคมภายใน 30 วันนับแต่วันที่พ้นจากการเป็นลูกจ้างเพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วน ทั้งนี้หากผู้ประกันตนไปขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานล่าช้าเกินกว่า 30 วัน เงินทดแทนที่จะได้รับจะลดส่วนลงตาม วันเวลาที่มายื่นขึ้นทะเบียนผู้ว่างงาน โดยในกรณีที่ว่างงานเพราะถูกเลิกจ้างจะได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 180 วัน ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้าง ส่วนกรณีที่ลาออกโดยสมัครใจ หรือสิ้นสุดสัญญาจ้างจะได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 90 วัน ในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้าง
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาสปส.ยังพบปัญหาเกี่ยวกับการจ่ายเงินเให้แก่ผู้ประกันตน ซึ่งมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่ผู้ประกันตนได้งานทำแล้ว แต่เมื่อครบกำหนดรายงานตัว ยังคงไปรายงานตัวตามกำหนดและไม่แจ้งให้สำนักงานจัดหางานทราบ ว่าตนเองได้งานทำแล้ว ต่อมาเมื่อนายจ้างแจ้งข้อมูลการเข้าทำงานของผู้ประกันตนมายังสปส. จึงพบว่ามีการจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเกินสิทธิให้แก่ผู้ประกันตน ดังนั้นสปส.จึงอยากขอความร่วมมือไปยังผู้ประกันตนที่ได้งานทำแล้ว ให้แจ้งข้อมูลแก่สำนักงานจัดหางานทราบด้วยเพื่อสปส.จะได้จ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานได้อย่างถูกต้องตามสิทธิ ซึ่งหากสปส.ตรวจสอบพบว่าผู้ใดมีเจตนาไม่แจ้งข้อมูลดังกล่าว เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์เกินกว่าสิทธิที่ควรจะได้รับสปส.จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาต่อไป