กรุงเทพฯ--22 มิ.ย.--IR PLUS
“อินเตอร์ไฮด์” แตกไลน์ธุรกิจใหม่ จับมือ “Wolverine World Wide” เซ็น MOUผลิตหนังรองเท้าจำหน่ายทั่วโลก หวังเพิ่มความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ เพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าเกี่ยวกับหนังให้มีความหลากหลาย และลดความเสี่ยงทางธุรกิจ วางเป้ารายได้ธุรกิจใหม่ในปีนี้ 5% ของรายได้รวม และ 20%ในอนาคต ส่วนทั้งปีมั่นใจปั๊มรายได้เข้าเป้าโต 10-15%
นายองอาจ ดำรงสกุลวงษ์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) หรือ IHL ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเบาะหนังสำหรับรถยนต์รายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่าบริษัทฯ เตรียมขยายธุรกิจใหม่ไปยังธุรกิจผลิต และจำหน่ายหนังให้กับอุตสาหกรรมรองเท้า โดยล่าสุดได้รับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) หนังเพื่อผลิตรองเท้าจากWolverine World Wide,Inc.,a Delaware Corporation พันธมิตรจากสหรัฐอเมริกา เพื่อผลิตรองเท้าจำหน่ายไปยังทั่วโลก ภายใต้แบรนด์ WOLVERINE, HARLEY-DAVIDSON FOOTWEAR, CUSHE และ HUSH PUPPIES เป็นต้น ซึ่งมีการเซ็นสัญญาลงนามความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกันในครั้งนี้
ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ ขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมหนังรองเท้า นอกเหนือจากอุตสาหกรรมหลักที่ผลิตเบาะหนังป้อนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ และเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น ขณะเดียวกันเป็นการลดความเสี่ยงในธุรกิจในช่วงเศรษฐกิจผันผวน โดยการลงทุนครั้งนี้ เป็นการลงทุนต่อยอดของบริษัทฯ ด้วยการเพิ่มไลน์การผลิตหนังรองเท้าไลน์ใหม่ นอกเหนือจากไลน์การผลิตเบาะหนังรถยนต์ ซึ่งบริษัทฯ ได้ใช้พื้นที่การผลิตในส่วนอาคารเดิมที่มีอยู่ และได้เพิ่มเติมเครื่องจักรใหม่บางส่วนรองรับยอดการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยวางงบลงทุนที่ประมาณ 30 ล้านบาท และเบื้องต้นวางเป้ารายได้จากธุรกิจดังกล่าว 5% ของรายได้รวมในปีนี้ และคาดการณ์จะเพิ่มขึ้นถึง 20% ได้ในอนาคต
“อินเตอร์ไฮด์ เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านธุรกิจเบาะหนังมายาวนานเกือบ20 ปี และธุรกิจผลิตเบาะหนังรถยนต์ของบริษัทฯ ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว จากออเดอร์ลูกค้าค่ายรถยนต์ โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นลูกค้าหลักมาช้านาน และจากที่บริษัทฯ ได้เริ่มมองเห็นโอกาสใหม่ๆ ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตหนัง
จึงมีโอกาสได้พูดคุยกับพันธมิตรคือ Wolverine World Wide,Inc.,a Delaware Corporation และได้เจรจากัน
ตกลงผลิตหนังรองเท้าตามคำสั่งซื้อของลูกค้า โดยถือเป็นธุรกิจมีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต ขณะเดียวกันการแข่งขันในธุรกิจนี้ไม่ได้รุนแรง เนื่องจากทำภายใต้แบรนด์ของลูกค้า ซึ่งมีชื่อเสียง และมีฐานลูกค้ากว้างขวางอยู่แล้ว”
นายองอาจ ยังกล่าวย้ำถึงผลประกอบการปีนี้ว่ายังวางเป้าหมายรายได้เติบโต 10 — 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,873.83 ล้านบาทได้ เนื่องจากยอดผลิตเบาะหนังในธุรกิจยานยนต์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ภายหลังค่ายรถยนต์โตโยต้ากลับมาผลิตได้เต็มกำลังผลิตตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้คำสั่งซื้อของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน และจะผลักดันผลประกอบการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้.