กรุงเทพฯ--24 มิ.ย.--เวิรฟ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้จัดเวิร์กช็อปเพื่อแสดงวิสัยทัศน์และนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยในรถยนต์ภายใต้แนวคิดการขับขี่แบบไร้อุบัติเหตุ หรือ On the Road to Accident-Free Driving ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
การจัดเวิร์กช็อปครั้งนี้บริษัทได้นำเสนอนวัตกรรมความก้าวหน้าอันทันสมัยต่างๆ เกี่ยวกับระบบความปลอดภัยในรถยนต์ด้วยการนำรถวิจัย ESF (Experimental Safety Vehicle) รุ่นล่าสุดมาแสดงในงานด้วย รถ ESF เป็นรถที่ใช้ในการวิจัยและพัฒนาระบบความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงหลักการด้านความปลอดภัยของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ว่า “Real Life Safety” หรือความปลอดภัยที่สามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยรถรุ่นนี้บ่งบอกถึงศักยภาพด้านความปลอดภัยแห่งนวัตกรรมยานยนต์ในอนาคตอย่างแท้จริง นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้ให้ผู้ร่วมเวิร์กช็อปมีความเข้าใจเกี่ยวกับระบบเพื่อความปลอดภัยอันล้ำหน้าต่างๆ ด้วยการจำลองการขับขี่แบบเสมือนจริง โดยใช้ ซิมูเลเตอร์เสมือนจริง 2 เครื่อง เครื่องแรกเป็นการจำลองการขับขี่โดยมี “ระบบช่วยเหลือ” หรือที่เรียกว่า “Assistance Systems” และอีกเครื่องหนึ่งเป็นการสาธิตการทำงานของระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุหรือ PRE-SAFE โดยเครื่องซิมูเลเตอร์ที่สาธิตระบบ Assistance Systems จะแสดงความสามารถของตัวช่วยเหลือต่างๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อาทิ ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST รวมถึงระบบช่วยให้อยู่ในเลน หรือ Active Lane Keeping Assist โดยเวิร์กช็อปครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ในเรื่องที่เกี่ยวกับระบบความปลอดภัยในรถยนต์มากว่า 125 ปี ซึ่งการขับขี่แบบปลอดภัยต่อชีวิตโดยมิให้เกิดอุบัติเหตุนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดและได้กลายเป็นวิสัยทัศน์หลักของบริษัทในปัจจุบัน
“ความปลอดภัยเป็นองค์ประกอบหลักสำหรับแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เราเป็นผู้นำในด้านนี้ตั้งแต่แรกเริ่มที่เราได้ประดิษฐ์รถยนต์ขึ้นมา รถยนต์ ESF นี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพันธกิจของเราในการสร้างความปลอดภัยที่สัมผัสได้จริงในชีวิตประจำวัน หรือ “Real Life Safety” รวมถึงการปกป้องทั้งก่อนที่จะเกิดและหลังอุบัติเหตุด้วย ด้วยประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยอันเหนือชั้นของรถยนต์ ESF ของเรายังเป็นเครื่องสะท้อนถึงความสามารถของบริษัทในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์คงครองความเป็นผู้นำระดับแถวหน้าในอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่เสมอ” ดร.อุลริค เมลลิงฮอฟฟ์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาระบบความปลอดภัยของเมอร์เซเดส-เบนซ์ กล่าว
“การจัดเวิร์กช็อป “On the Road to Accident-Free Driving Safety” นี้มีการจัดขึ้นทั่วโลก ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) มีความห่วงใยและให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยพันธกิจหลักของเรา คือ การลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่ให้เป็นศูนย์ ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ทันสมัย เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยให้แก่อุตสาหกรรม ยานยนต์ อาทิ ระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE?) และระบบ PRE-SAFE?360 องศา, ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST), ระบบช่วยการมองเห็นยามค่ำคืน (Night View Assist PLUS) และระบบตรวจจับระยะห่างรถคันหน้า (DISTRONIC PLUS) เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยในชีวิตแก่ลูกค้าเป็นสำคัญ เราจะยังคงสานต่อการคิดค้นเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยใหม่ๆ ต่อไปเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น” ศ.ดร. อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
ในงานเวิร์กช็อปครั้งนี้ มีการจัดนิทรรศการแสดงไฮไลท์ต่างๆ เกี่ยวกับความสำเร็จมากมายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ตลอดช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยเป็นการมุ่งเน้นให้เห็นถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยสำหรับยนตรกรรมของบริษัท ซึ่งในช่วงปลายทศวรรษที่ 1930 ผู้บุกเบิกด้านความปลอดภัยนามว่า เบล่า บาเรนญี (B?la Bar?nyi )ได้ทำงานอยู่ในโรงงานของเดมเลอร์ที่เมืองซินเดลฟิงเก้นในประเทศเยอรมนี ได้ช่วยพัฒนาและค้นพบระบบปลอดภัยใหม่ๆ มากมาย ซึ่งเขาถือเป็นผู้วางรากฐานการสร้างความปลอดภัยให้กับ ยานยนต์ จากนั้น 70 ปีให้หลัง เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงสานต่อความเป็นผู้นำในการลงทุนด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย โดยได้ประดิษฐ์คิดค้นฟีทเจอร์สำหรับความปลอดภัยในส่วนต่างๆ มากมายในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา จนในที่สุดสิ่งเหล่านี้ได้กลายมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถยนต์ทั่วไป รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัย ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS และโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP? โดยยานยนต์ต่างๆ บนท้องถนนในปัจจุบันจำเป็นต้องมีอุปกรณ์มาตรฐานเหล่านี้ ซึ่งถือเป็นผลพวงจากการคิดค้นพัฒนาโดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ และสำหรับรถ ESF เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ทำการต่อยอดระบบสร้างความปลอดภัยที่มีอยู่แล้วของบริษัทให้มีประสิทธิภาพเหนือชั้นยิ่งขึ้น เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความปลอดภัยในอุตสาหกรรมยานยนต์และการก้าวสู่ความปลอดภัยแห่งอนาคต
รถวิจัย ESF เจนเนอเรชั่นล่าสุด: เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยล้ำหน้าสู่การขับขี่ไร้อุบัติเหตุ
รถวิจัย ESF ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น S 400 HYBRID เจนเนอเรชั่นรุ่นล่าสุด ซึ่งเป็นรถยนต์ประหยัดพลังงานอย่างเต็มรูปแบบที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามอันไม่ย่อท้อของบริษัทในการคิดค้นเทคโนโลยีการปล่อยไอเสียเป็นศูนย์หรือ zero-emission ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทิศทางรถยนต์อนาคต ที่เต็มไปด้วยความปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ
ด้วยวิถีการสร้างความปลอดภัยให้กับรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงมุ่งมั่นต่อการเป็นแบบอย่างที่แสดงให้เป็นที่ประจักษ์ว่าเทคโนโลยีอันก้าวหน้าสามารถช่วยปกป้องผู้ขับขี่จากอุบัติเหตุได้ พร้อมทั้งยังช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาจากแรงกระแทกที่เกิดขึ้นจากการเฉี่ยวชน ภายในงานมีการจัดแสดงระบบเพื่อความปลอดภัยอันล้ำหน้าต่างๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ว่าจะเป็นระบบ PRE-SAFE? Structure, ระบบ Braking Bag, ระบบสื่อสารระหว่างรถยนต์ต่อรถยนต์ (Interactive Vehicle Communication), ระบบ PRE-SAFE? Pulse, ฟังก์ชั่นสำหรับสป็อตไลท์ (Spot Lighting Function) และอื่นๆ อีกมากมาย
เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ให้ความสำคัญในการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารโดยมีการออกแบบโครงสร้างนิรภัยบนตัวถังแบบ PRE-SAFE? Structure ซึ่งโครงสร้างโลหะที่ฝังไว้ในประตูด้านข้างจะทำการปกป้องผู้โดยสารด้วยการพองตัวขึ้นด้วยแรงดันที่สร้างขึ้นประมาณ 10 - 20 บาร์ภายในช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาที และยังจะทำให้เกิดเสถียรภาพการทรงตัวที่ดียิ่งขึ้น โดยทั่วไปแล้วเทคโนโลยีแบบนี้จะไปเพิ่มน้ำหนักให้กับตัวรถ แต่เทคโนโลยีที่เมอร์เซเดส-เบนซ์คิดค้นขึ้นเป็นการสร้างความสมดุลย์ให้กับโครงสร้างมากขึ้นโดยการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยระบบนี้ไว้อย่างแน่นหนา โดยที่ไม่ต้องเพิ่มน้ำหนักและสามารถรักษาการทรงตัวที่ดีได้ ซึ่งเทคโนโลยีนี้สามารถลดน้ำหนักได้มากถึง 500 กรัมต่อประตูหนึ่งด้าน
ฟีทเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ทันสมัยอีกอย่างหนึ่งในรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ESF ก็คือระบบเบรกแบบ Braking Bag ติดตั้งอยู่ใต้เพลาด้านล่างตัวรถ ทำงานคล้ายร่มชูชีพ คือ เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจจับได้ว่าอาจเกิดการปะทะเกิดขึ้น ระบบ PRE-SAFE? ทั้งระบบจะทำงานปกป้องโดยอัตโนมัติ รวมถึง Breaking Bag ด้วย โดยจะพองตัวออกอย่างรวดเร็วบนพื้นถนนเพื่อลดแรงเสียดทานให้รถชะลอความเร็วให้มากที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ทางทีมวิศวกรของเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ทุ่มเทพัฒนาระบบสื่อสารกับรถยนต์ด้วยกันเอง (Interactive Vehicle Communication) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้รถยนต์สามารถเก็บข้อมูลได้มากมายเกี่ยวกับสถานการณ์การขับขี่ เช่น ข้อมูลสภาพอากาศที่เลวร้าย การเบรกแบบกะทันหัน และการบังคับรถเพื่อหลบหลีก หรือข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ที่จอดเสียอยู่กลางถนน ข้อมูลเหล่านี้สามารถส่งผ่านทางสถานีต่างๆ ได้ เช่น ทางเสาอากาศวิทยุตามถนน สถานีสื่อสาร หรือผ่านทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งสามารถแจ้งไปยังรถยนต์คันอื่นได้เพื่อหลบเลี่ยงอุบัติเหตุต่างๆ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ขับขี่มากมาย
ระบบ PRE-SAFE? Pulse ถ้าตรวจจับได้ว่าจะเกิดการปะทะด้านข้าง ระบบจะทำการปกป้องคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าให้ห่างจากประตูด้านข้างมากที่สุดเพื่อความปลอดภัยหรือลดความรุนแรงให้น้อยที่สุด โดยหมอนที่ฝังอยู่ด้านข้างเบาะพนักพิงจะอัดอากาศและพองตัวออกอย่างรวดเร็วและดันให้คนขับและผู้โดยสารเข้ามาอยู่ตรงกลางรถ โดยจะมีถุงลมนิรภัยขั้นกลางเพื่อลดการกระแทกระหว่างกัน เป็นระบบช่วยย้ายตำแหน่งของคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าไปตรงกลางรถเมื่อระบบตรวจจับได้ว่ากำลังเกิดการชนที่บริเวณด้านข้าง ระบบนี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบปกป้องก่อนเกิดอุบัติเหตุที่พัฒนาต่อยอดมาจากระบบ PRE - SAFE? จึงสามารถช่วยลดความรุนแรงของอุบัติเหตุได้ถึงหนึ่งในสาม
นอกจากนี้ รถ ESF ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังมีสปอตไลท์ติ้งฟังก์ชั่นที่มีการใช้ฟังก์ชั่นของไฟหน้าแบบ LED ถึง 100 ดวง ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้เป็นดวงๆ ไป โดยแสงไฟที่ได้จะสามารถปิดให้มืดลงได้อย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ส่องเข้าตาผู้ขับขี่รถคันอื่นที่กำลังขับสวนมา นอกจากนี้หลอด LED บางส่วนจะสว่างเฉพาะเมื่อมีการเตือนภัยต่ออันตรายที่อาจเกิดขึ้น หากกล้องอินฟราเรดบนตัวรถสามารถตรวจจับคนเดินบนถนน แสงไฟก็สามารถส่องสว่างเพิ่มขึ้นกว่าปกติ เช่นเดียวกับแสงจากสปอตไลท์ ดังนั้นผู้ขับขี่จึงได้รับการแจ้งเตือนจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทคโนโลยีที่ทันสมัย??อื่นๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เช่น Side Reflect, Size Adaptive Airbags, Night View Assist Plus, PRE-SAFE? 360 องศา, Belt Bag, Interseat Protection, และ Child Protect ล้วนเป็นอุปกรณ์สร้างความปลอดภัยที่มีอยู่ในรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ESF รุ่นล่าสุด ซึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยทั้งแบบก่อนและหลังเกิดอุบัติเหตุอันทรงประสิทธิภาพของรถยนต์รุ่นนี้ไม่เพียงช่วยให้ลูกค้าเกิดความปลอดภัยตามมาตรฐานเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสียหายจากอุบัติเหตุที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
เทคโนโลยีช่วยขับฉบับสมบูรณ์ที่ให้การปกป้องที่เหนือกว่า
เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้จัดแสดงเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอีกมากมาย อันเป็นเทคโนโลยีที่มีการนำมาใช้กับรถรุ่นต่างๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปัจจุบัน รวมถึงเทคโนโลยี ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST, ระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE?, ระบบช่วยให้อยู่ในเลน Active Lane Keeping Assist, ระบบช่วยการมองเห็นในยามค่ำคืน Night View Assist, และระบบส่องสว่างอัจฉริยะ Intelligent Lighting System
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST ที่ได้รับการพัฒนาโดย เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งสามารถตรวจจับและวิเคราะห์ได้มากกว่า 70 ลักษณะพิเศษที่แสดงถึงความเหนื่อยล้าขณะการขับขี่ โดยเป็นการวัดค่าความแตกต่างระหว่างความตื่นตัวของผู้ขับขี่ไปจนถึงความเหนื่อยล้า และส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ขับขี่เกิดความระมัดระวัง และอีกระบบหนึ่งที่มีความล้ำสมัยเป็นอย่างยิ่งคือระบบ PRE-SAFE? ซึ่งเป็นการบูรณาการการสร้างระบบความปลอดภัยทั้งแบบก่อนและหลังการเกิดอุบัติเหตุ โดยระบบนี้จะช่วยบ่งชี้อันตรายที่อาจเกิดขึ้นและจะช่วยเปิดระบบรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ให้ทำงานร่วมกันทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นเข็มขัดนิรภัยและถุงลมนิรภัย เพื่อปกป้องผู้โดยสารจากการเกิดอุบัติเหตุให้มากที่สุด นอกจากนี้ระบบช่วยรักษาสถานะให้อยู่ในเลน Active Lane Keeping Assist จะทำงานเมื่อตรวจจับว่ารถกำลังเฉออกจากเลนโดยไม่ตั้งใจจะมีอาการสั่นที่พวงมาลัยเพื่อเป็นการเตือน สำหรับระบบช่วยการมองเห็นในยามค่ำคืน Night View Assist PLUS เป็นการใช้กล้องระบบอินฟาเรดที่ช่วยตรวจสอบสภาพถนนภายหน้ารถไม่ให้ขับเกยทางเท้าด้วยการเพิ่มศักยภาพการมองเห็นของ ผู้ขับขี่ผ่านการแสดงภาพเหมือนจริงสีเทาบนหน้าจอมอนิเตอร์บริเวณหน้ารถ และสุดท้ายระบบส่องสว่างอัจฉริยะ Intelligent Lighting System ประกอบด้วย 5 ฟังก์ชั่นในการให้แสงสว่างที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมกับการขับขี่แบบธรรมดาทั่วไป และตามสภาพอากาศภายนอก เช่น ไฟโหมด Rural Light, โหมด Motorway, โหมดไฟตัดหมอก Extended Fog Lamp โหมด Active Light Function และโหมดไฟเข้าโค้ง Cornering Light ทั้งหมดนี้สามารถใช้งานได้ตามความต้องการ
ในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ของเอเชียมีการเติบโตและมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ความปลอดภัยของยานพาหนะจึงเป็นประเด็นสำคัญที่ยังคงได้รับความสนใจ งาน Safety Workshop ประจำปี 2011 ของเมอร์เซเดส-เบนซ์จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้เรียนรู้ประสบการณ์จากการเข้าชมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันล้ำสมัยต่างๆ รวมถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทในการสร้างสรรค์การขับขี่บนท้องถนนอย่างปลอดภัยในชีวิตแบบไร้อุบัติเหตุ ตาม Motto ของแบรนด์ที่ว่า “The best or nothing” ดังนั้นแบรนด์ดาวสามแฉกนี้จึงยังคงมุ่งมั่นทุ่มเทต่อไปเพื่อการเป็นผู้นำยนตรกรรมแห่งโลกอนาคตอย่างยั่งยืน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :
ฝ่ายสื่อสารองค์กร, บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เยาวเรศ, วรจรรย์ โทรศัพท์ 02 344 6120-4
หรือ PR Agency, เวิรฟ
วิวัฒน์, พรทิภา โทรศัพท์ 02 204 8202, 02 204 8078
ท่านสามารถดาวน์โหลดข่าวประชาสัมพันธ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th