กรุงเทพฯ--28 มิ.ย.--กรมควบคุมโรค
กรมควบคุมโรคเตือนประชาชนต้องไม่ประมาท เพราะการระบาดของโรคไข้หวัด2009ยังไม่หมดไป แต่มีแนวโน้มการระบาดในลักษณะเป็นกลุ่มก้อนมากขึ้น เร่งรณรงค์แนะนำประชาชนให้มีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกสุขลักษณะ เน้นกลุ่มเสี่ยงควรฉีดวัคซีนป้องกันไว้ก่อน ย้ำหากมีการจัดกิจกรรมที่ต้องรวมตัวกันของคนหมู่มากภายในพื้นที่จำกัด หรือในสถานศึกษาต้องเตรียมพร้อมป้องกันล่วงหน้า
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่หลังการระบาดครั้งใหญ่เมื่อปี2552 ว่าในภาพรวมมีแนวโน้มลดลงโดยในปี2553พบว่ามีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่จำนวน 112,750 ราย เป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A(H1N1) จำนวน 16,455 ราย มีผู้เสียชีวิต 169 ราย ในจำนวนนี้ เป็นผู้เสียชีวิตยืนยันว่าเป็นเชื้อ A(H1N1) 150 ราย และในปี 2554 จากข้อมูลการเฝ้าระวังของสำนักระบาดวิทยา (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -28 พฤษภาคม 2554) พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สะสมจำนวน 11,422 ราย ตรวจพบเป็นเชื้อ A(H1N1) จำนวน 551 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตสะสม 6 ราย ทั้งหมดยืนยันว่าเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H1N1) ซึ่งจากสถิติตัวเลขที่พบเมื่อเปรียบเทียบถือว่ามีแนวโน้มลดลงแต่มีข้อที่น่าสังเกตก็คือการแพร่ระบาดของโรคยังไม่หมดไปและพบว่ามีการเปลี่ยนรูปแบบของการระบาดเป็นลักษณะของกลุ่มก้อนมากขึ้น
การระบาดในลักษณะเป็นกลุ่มก้อน มักจะพบในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เช่น ในค่ายทหาร สถานที่ทำงานที่มีลูกจ้างอยู่รวมกันมากๆ ในสถานศึกษา โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่มหาวิทยาลัยหลายแห่งมีกิจกรรมรับน้องหรือซ้อมเชียร์ ก็อาจเป็นแหล่งที่เกิดการระบาดของโรคได้ หากมีการรวมตัวกันของคนหมู่มากภายในพื้นที่จำกัด เช่น การแสดงมหรสพ การประชุมขนาดใหญ่ การแข่งขันกีฬา งานนิทรรศการ งานแต่งงาน งานรื่นเริง งานบุญ หรือกิจกรรมอื่นๆ ในช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ กิจกรรมดังกล่าวมีโอกาสที่จะเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรค และผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความเสี่ยงที่จะติดโรค ไม่ว่าจะเป็นสถานที่กลางแจ้งหรือในร่ม ผู้จัดงานหรือเจ้าภาพที่มีกิจกรรมการรวมตัวของคนหมู่มาก ควรมีการให้ข้อมูลคำแนะนำการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค แก่กลุ่มเป้าหมายที่จะมาร่วมงานหรือกิจกรรมเป็นการล่วงหน้า มีป้ายคำแนะนำ หรือหน่วยบริการให้คำแนะนำ ผู้ที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่บริเวณทางเข้างาน จัดอ่างล้างมือพร้อมสบู่ กระดาษทิชชู ในห้องน้ำให้พอเพียง จัดให้มีผู้ทำความสะอาดอุปกรณ์ และบริเวณที่มีผู้สัมผัสปริมาณมาก เช่น ราวบันได ลูกบิดประตู ห้องน้ำ ด้วยน้ำผงซักฟอก หรือน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป อย่างสม่ำเสมอและบ่อยกว่าในภาวะปกติ จัดหาหน้ากากอนามัยสำหรับผู้มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ที่มีความจำเป็นต้องอยู่ร่วมกิจกรรม ส่วนในสถานศึกษา ควรจัดให้มีระบบการคัดกรองเด็กป่วย หากพบว่ามีนักเรียน หรือนิสิต นักศึกษาป่วย ควรพิจารณาปิด/เปิดสถานศึกษา เพื่อการชะลอการระบาดของโรคและการแพร่กระจายเชื้อ โดยใช้ดุลยพินิจร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ ผู้บริหารสถานศึกษา และคณะกรรมการสถานศึกษา รวมทั้งเครือข่ายผู้ปกครอง ให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยตามร่างกาย ฯลฯ ให้หยุดเรียนและพักผ่อนที่บ้าน
ส่วนมาตรการในการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 หลังการระบาดครั้งใหญ่ กรมควบคุมโรคได้ดำเนินการในด้านต่างๆได้แก่ 1. การเฝ้าระวัง โรคทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม เน้นผู้ป่วยที่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน ผู้ป่วยอาการรุนแรง และผู้ป่วยเสียชีวิต ต้องมีการสอบสวนทุกราย การเฝ้าระวังในกรณีดื้อยา การกลายพันธุ์ เพราะจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางระบาดวิทยา กำหนดจุดเฝ้าระวังกระจายทั่วประเทศ 2.การป้องกันด้วยการฉีดวัคซีน โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเสี่ยง 6 กลุ่ม คือ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็กอายุตั้งแต่ 6 เดือน -2 ปี กลุ่มคนอ้วน ผู้พิการทางสมอง(บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนด้วยเช่นกัน) รวมทั้งให้ประชาชนตระหนักถึงการป้องกันโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ 3.การกวดขันเรื่องการวินิจฉัยโรคและการรักษาผู้ป่วยจะต้องได้รับยาต้านไวรัสภายใน 48 ชั่วโมง เพราะสิ่งที่พบในผู้ป่วยที่เสียชีวิตคือผู้ป่วยได้รับยาต้านไวรัสช้าเกินกว่าที่กำหนด
การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่นับเป็นวิธีที่ได้ผลดี สามารถลดอัตราการติดเชื้อ ลดอัตราการนอน โรงพยาบาล ลดโรคแทรกซ้อน ลดการหยุดงานหรือหยุดเรียน ซึ่งกรมควบคุมโรคและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ร่วมกันดำเนินงานฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 และในปี 2554นี้ ได้กำหนดแนวทางการให้บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และจะมีการรณรงค์ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน — 31 สิงหาคม 2554 ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่มีความประสงค์จะรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาล สามารถขอรับการฉีดวัคซีนได้ ฟรี! ที่โรงพยาบาลของรัฐบาลทุกแห่ง
การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ประชาชนต้องไม่ประมาท เพราะเห็นว่ายังไม่เกิดการระบาด ต้องหมั่นใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเอง และคนใกล้ชิดอย่างสม่ำเสมอ รู้จักป้องกันตนเอง ด้วยการมีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการ ไข้ มีน้ำมูก เจ็บคอ ไอ ให้พักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน สวมหน้ากากอนามัยป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อสู่ผู้อื่นก็จะสามารถควบคุมการระบาดของโรคให้อยู่ในวงจำกัดได้ รองอธิบดีกล่าวทิ้งท้าย...
กลุ่มเผยแพร่ สำนักเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค
โทรศัพท์ :0-2590-3862 โทรสาร :0-2590-3386