สสปน. จัดงาน Corporate Connection Plus ชูแนวคิด It must be Thailand ดึงผู้ซื้อกลุ่มบริษัทกว่า 100 คน

ข่าวท่องเที่ยว Monday August 20, 2007 08:48 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
สสปน. จัดงาน Corporate Connection Plus ชูแนวคิด It must be Thailand ดึงผู้ซื้อกลุ่มบริษัทกว่า 100 คนจากต่างประเทศ ดูงาน MICE ในไทย หวังกระตุ้นตลาดการจัดประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Meetings and Incentives) ช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปี พร้อมเสริมสร้างเครือข่ายพันธมิตรในธุรกิจ MICE ทั่วโลก
พร้อมชู โครงการเด่น “เปิดทองหลังพระ” ให้ผู้ร่วมกิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 100 ต้น เพื่อคืนผืนป่าธรรมชาติ สร้างความยั่งยืนให้แผ่นดิน (sustainability) ที่โครงการอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติ สิรินธร พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 15-19 สิงหาคม ศกนี้
(ชะอำ) ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล ประธานกรรมการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. กล่าวว่า “สสปน.ได้จัดงาน Corporate Connection Plus ขึ้น ภายใต้แนวคิด “IT MUST BE THAILAND” ในระหว่างวันที่ 15 — 19 สิงหาคม ศกนี้ เพื่อแนะนำแนวคิดใหม่ๆในการจัดประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Meetings and Incentives) รวมทั้งนำเสนอถึงภาพรวมของอุตสาหกรรม MICE ในไทย และยังเป็นการเสริมสร้างเครือข่ายพันธมิตรในธุรกิจ MICE ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย อันได้แก่นักวางแผนการจัดประชุมระดับองค์กร (Corporate Meeting Planner) จำนวนกว่า 90 ท่านจากองค์กรต่างประเทศทั่วโลก อาทิ ฮ่องกง จีน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย อินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย และปากีสถาน โดยทั้งหมดได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่จัดประชุมชั้นนำของกรุงเทพฯ และหัวหินที่มีศักยภาพและสามารถรองรับกิจกรรมในการจัดประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล พร้อมทั้งเข้าร่วมในการประชุม MICE Summit และการประชุมร่วมกับสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) หรือ TICA ซึ่งเป็นการพบปะระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งนับเป็นเวทีที่จะนำไปสู่การหารือและเจรจาทางด้านธุรกิจระหว่างกลุ่มผู้ซื้อและผู้ขาย
นอกจากนี้ ทางสสปน.ยังได้ร่วมโปรโมทโครงการเปิดทองหลังพระซึ่งเป็นโครงการท่องเที่ยวสืบสานโครงการพระราชดำริ (Royal Initiative Discovery) ควบคู่กันไป เพื่อแสดงศักยภาพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของประเทศไทยสำหรับธุรกิจการจัดประชุม การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การแสดงสินค้าและนิทรรศการนานาชาติ รวมทั้งยังเป็นการร่วมเทิดพระเกียรติในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษาในปีนี้ และกระตุ้นการท่องเที่ยวในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยในปัจจุบัน สสปน. ได้ดำเนินการในการโปรโมทโครงการเปิดทองหลังพระอย่างต่อเนื่อง โดยพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ก็เป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริที่สสปน.ได้จัดให้กลุ่ม Corporate Meeting Planner ได้มีโอกาสสัมผัสถึงความพร้อมของ destination ในไทยที่เหมาะสำหรับการจัดประชุมและท่องเที่ยวระดับองค์กร นอกจากนี้ยังได้เชิญกลุ่มเป้าหมาย เข้าร่วมกิจกรรม “ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 100 ต้น เพื่อคืนผืนป่าธรรมชาติ สร้างความยั่งยืนให้แผ่นดิน” ที่โครงการอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติ สิรินธร พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรีอีกด้วย”
ม.ร.ว.ดิศนัดดา กล่าวว่า “การจัดงานครั้งนี้นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีเป้าหมายต้องการกระตุ้นการใช้จ่ายและเงินหมุนเวียนภายในระบบเศรษฐกิจของประเทศจากการใช้จ่ายของภาครัฐ รวมถึงเพิ่มรายได้จากการจัดประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลจากบริษัทต่างชาติที่เป็นคู่ค้าหรือพันธมิตรอย่างเร่งด่วนในภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว รวมทั้งเพื่อสร้างความมั่นใจและเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน นักธุรกิจ รวมถึงนักท่องเที่ยวในช่วงที่มีกระแสเกี่ยวกับสถานการณ์และความไม่แน่นอนต่างๆในประเทศ รวมทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสในการท่องเที่ยวเชิงเฉลิมฉลองและเรียนรู้จากโครงการพระราชดำริเพื่อนำไปปฏิบัติ ขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มการสร้างงานและกระจายรายได้ให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องในภูมิภาค ทำให้ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในภูมิภาคมีโอกาสทางธุรกิจในการให้บริการแก่กลุ่มไมซ์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะด้านการลงทุนและเพิ่มงาน”
ม.ร.ว.ดิศนัดดา กล่าวต่อไปว่า “สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมการจัดประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Meetings & Incentives) นั้น มีอัตราการเจริญเติบโตที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี เฉลี่ยประมาณ 20-25 % อย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่ม MI ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ในปี 2006 มี จำนวนประมาณ 270,000 คน ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากปี 2005 ที่มีจำนวนประมาณ 225,000 คน ทั้งนี้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของธุรกิจและความพร้อมในด้านศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้า สาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมทั้งเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและอาหารไทยที่เลื่องชื่อ ตลอดจนกิจกรรมและแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมไมซ์ของไทยสามารถก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในภูมิภาคได้”
“ ในช่วงครึ่งปีหลังภารกิจหลักของ สสปน. ที่นับเป็นโครงการที่สามารถสนับสนุนอุตสาหกรรม MICE ในประเทศไทย ได้แก่ โครงการเปิดทองหลังพระ ท่องเที่ยวสืบสานโครงการพระราชดำริ (Royal Initiative Discovery) โครงการหลักของสสปน. ที่สนับสนุนโดยรัฐบาล อันมีพื้นที่โครงการทั้งสิ้นจำนวน 19 แห่ง: ภาคเหนือ 5 แห่ง ภาคกลาง 7 แห่ง ภาคใต้ 3 แห่ง ภาคอีสาน 4 แห่ง ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง 5 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 - 2554 ในส่วนของการจัดประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลนั้น ก็จะมีการนำเสนอโครงการเปิดทองหลังพระในทุกกิจกรรมด้านการตลาดที่ สสปน.เป็นแกนนำในการจัด หรือนำผู้ประกอบการภาคเอกชนเข้าร่วม อาทิ Trade Show หรือ Road Show ซึ่งจะเน้นการนำเสนอในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ตามรอยพระราชดำริ (Edutainment) การสร้างบรรยากาศใหม่ๆ และกิจกรรมที่แตกต่างออกไปในการประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล หรือ แนวอนุรักษ์เพื่อสังคม รวมทั้งการนำเสนอภาพลักษณ์ของประเทศไทยในประเด็นความพอเพียงและสมดุลนำไปสู่ความยั่งยืนในทุกๆด้าน ทั้งนี้การส่งเสริมการจัดประชุมโดยผนวกกับการท่องเที่ยวสืบสานโครงการพระราชดำริ นับเป็นการสร้างรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศและเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ โดยเม็ดเงินที่คาดว่าจะเป็นรายได้จากโครงการเปิดทองหลังพระนั้น รวมกันเป็นมูลค่าประมาณ 3,100 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยว รวม 900,000 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ ประมาณ 750,000 คน และนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ประมาณ 150,000 คน ทั้งนี้ในส่วนของนักท่องเที่ยวกลุ่ม MICE ที่จะเข้ามาจากโครงการเปิดทองหลังพระนั้นแบ่งเป็น ตลาดต่างประเทศ จำนวนประมาณ 10,000 คน และ ตลาดในประเทศ จำนวนประมาณ 6,000-8,000 คน
“ขณะนี้ นักท่องเที่ยวกลุ่มธุรกิจมาจากเอเชีย ตามด้วยยุโรป และออสเตรเลีย ตามลำดับ ซึ่งแต่ละกลุ่มมีการใช้จ่ายเพิ่มประมาณ 20% ของตัวเลขทั้งหมด เพราะนักท่องเที่ยวเหล่านี้ได้รับความสนุกจากกิจกรรมต่างๆทั้ง การไปสปา ทานอาหารเลิศรส ไปเล่นกอล์ฟ เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพและการเป็นอยู่ที่ดี การพักผ่อนตามชายหาดที่สวยงาม สัมผัสถึงวัฒนธรรมที่ดีงาม ได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และเพลิดเพลินกับการจับจ่ายช้อปปิ้ง ซึ่งการประชุมนานาชาติและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะนิยมมาที่ กรุงเทพ ภูเก็ต พัทยา หรือเชียงใหม่ อย่างไรก็ตาม กระบี่ หัวหิน และเชียงรายก็ได้รับความสนใจจากกลุ่มนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน” ม.ร.ว ดิศนัดดากล่าวในตอนท้าย
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ