กรุงเทพฯ--29 มิ.ย.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นาย จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะแถลงว่า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เห็นชอบให้ปรับกำหนดการยื่นคำขอ อนุญาตและแนวทาในการพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของคำขออนุญาตออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศ เพื่อ ให้การพิจารณาอนุญาตให้ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และมีความยืดหยุ่นสามารถปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละวงเวลา โดยผู้สนใจสามารถยื่นคำขออนุญาตได้ ปีละ 4 ครั้ง คือ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ พฤษภาคม สิงหาคม และพฤศจิกายนของทุกปี รายละเอียดปรากฏตามแถลงข่าวกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับกำหนดการยื่นคำขออนุญาตและแนวทางการพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของคำขออนุญาตให้ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย ฉบับที่ 84/2551 ลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2551 นั้น
สำหรับการพิจารณาอนุญาตให้ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย ในช่วง 1 กรกฎาคม — 31 ธันวาคม 2554 กระทรวงการคลังได้พิจารณาถึงผลกระทบต่อการออกหุ้นกู้ของภาคเอกชนไทย รวมถึงโอกาสที่นักลงทุนในประเทศสามารถลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพและได้ รับผลตอบแทนที่เหมาะสม และการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทยแล้ว เห็นควรอนุญาตให้นิติบุคคลต่างประเทศ จำนวน 5 ราย ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2554 โดยมีรายชื่อและวงเงินการอนุญาต ดังนี้
(1) Credit Agricole Corporate and Investment Bank วงเงิน 10,000 ล้านบาท
(2) First Gulf Bank Public Joint Stock Company วงเงิน 6,000 ล้านบาท
(3) ING Bank N.V. วงเงิน 10,000 ล้านบาท
(4) The Export-Import Bank of Korea วงเงิน 10,000 ล้านบาท
(5) Lloyds TSB Bank plc วงเงิน 6,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ที่จะระงับการอนุญาตในกรณีที่สถานภาพ หรือสถานะทางการเงินของผู้ที่ได้รับอนุญาต หรือเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
กระทรวง การคลังขอขอบคุณผู้ยื่นคำขออนุญาตทุกรายที่ให้ความสนใจในการออกพันธบัตรหรือ หุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย สำหรับผู้มีความประสงค์จะขออนุญาตในรอบถัดไปสามารถยื่นหนังสือแสดงความจำนง ได้ภายในเดือนสิงหาคม 2554