กรุงเทพฯ--30 มิ.ย.--ธนาคารกสิกรไทย
กสิกรไทยสร้างเครือข่ายธุรกิจต่างประเทศ หนุนธุรกิจไทยบุกต่างแดน ล่าสุดจับมือเวียดตินแบงก์ ธนาคารอันดับสี่ของเวียดนาม เป็นพันธมิตรให้บริการทางการเงินครบวงจรแก่บริษัทคนไทยที่ทำธุรกิจกับเวียดนาม
นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือกับธนาคารเวียดติน (Vietnam Joint Stock Commercial Bank for Industry and Trade-Vietinbank) ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเวียดนาม เพื่อให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าเครือธนาคารกสิกรไทยที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม เนื่องจากเล็งเห็นว่าธนาคารเวียดตินมีความแข็งแกร่งในการให้บริการทางการเงิน รวมถึงมีเครือข่ายสาขาในการให้บริการมากกว่า 1,000 สาขาทั่วประเทศ
สำหรับความร่วมมือระหว่างทั้ง 2 ธนาคาร จะเป็นการต่อยอดการให้บริการทางการเงิน (Banking Services) แก่ลูกค้าเครือธนาคารกสิกรไทยที่เข้าไปทำธุรกิจในประเทศเวียดนาม เช่น การบริหารบัญชี การให้สินเชื่อ การทำธุรกรรมการค้าในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการให้คำแนะนำทางธุรกิจกับลูกค้าธนาคาร (Advisory Services) เช่น การให้ข้อมูลการค้า การแข่งขันในตลาด กฎระเบียบต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังจะมีการจัดกิจกรรมทางธุรกิจ เช่น การจัดสัมมนา การจัดการจับคู่ค้าทางธุรกิจ และการแลกเปลี่ยนและฝึกอบรมพนักงานระหว่างกัน เพื่อสร้างประโยชน์สุงสดให้กับผู้ประกอบการไทยที่มีแผนเข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม และเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางบริการทางการเงินให้สามารถรองรับการขยายตัวทางการค้าการลงทุนระหว่างประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอนาคตให้กับลูกค้าของธนาคารในต่างประเทศ
โดยปัจจุบัน ธนาคารกสิกรไทยมีลูกค้าที่เข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทขนาดกลางและขนาดใหญ่ เข้าไปลงทุนในภาคการผลิต ในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมการเกษตร เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างต่ำกว่าประเทศไทย และมีแนวโน้มที่การลงทุนการค้าระหว่างประเทศไทยและเวียดนามจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีลูกค้าที่ทำธุรกรรมกับประเทศเวียดนามราว 2,000 ราย คิดเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 9,930 ล้านบาท และคาดว่าในอนาคตภายใต้กรอบความร่วมมือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะมีผู้ประกอบการของไทยเข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม รวมถึงปริมาณการค้าระหว่างสองประเทศจะเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน