กรุงเทพฯ--1 ก.ค.--กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา(ป.กก.) เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมด้านกฎหมายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ โดยมีการพิจารณาการนำเสนอร่างกฎหมายใหม่ เพื่อให้ทันสมัยต่อการบังคับใช้ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ และความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ การเมืองและนโยบายของรัฐบาล ณ ห้องประชุม ๒ ชั้น ๓ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๔
นายสมบัติ คุรุพันธ์ เปิดเผยว่า ในการประชุมดังกล่าว ได้พิจารณาและติดตามกฎหมายที่ยังค้างการพิจารณา จำนวน ๔ ฉบับ แบ่งเป็น ๑.กฎหมายที่รอบรรจุเข้าพิจารณาในสภา มี พรบ.การกีฬาแห่งประเทศไทย และ พรบ. ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางกีฬา และ ๒.กฎหมายที่รอนำเข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรี มี พรบ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ และ พรบ.สถาบันการพลศึกษา ซึ่งมีบางประเด็นที่ควรได้รับการแก้ไขปรับปรุง คือ พระราชบัญญัติดังกล่าวมีบางเนื้อหาที่ซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น อีกทั้งเพื่อเป็นการยกระดับสถาบันการพลศึกษาให้เท่าเทียมกับมหาวิทยาลัยและมีความเป็นสากล จึงจำเป็นต้องแก้ไขบางตัวบทมาตราให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ทั้งนี้ เพื่อขยายโอกาสให้กับเด็กและเยาวชนในการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ในส่วนของโรงเรียนกีฬา เดิม กฎหมายกำหนดให้เป็นส่วนราชการที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ จึงก่อให้เกิดปัญหาในส่วนของตำแหน่งผู้บริหาร ในเรื่องการขอเลื่อนตำแหน่งหรือวิทยฐานะ การเลื่อนขั้นเงินเดือน จึงขอแก้ไขในส่วนที่กำหนดให้มีความเทียบเท่ากับคณะออก ซึ่งร่าง พรบ. ที่ขอแก้ไขได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว นอกจากนี้ยังมี พรบ.กีฬามวยที่ควรจะแก้ไขในบางประการ คือ ชื่อ พรบ.เพราะวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์มีเพื่อส่งเสริมกีฬามวยไทยเท่านั้น นอกจากนี้ควรจะกำหนดให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการกีฬามวย เป็นผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านกีฬามวย อีกทั้งอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการที่บัญญัติไว้กว้างไป ควรจะกำหนดขอบข่ายให้บ่งชัดขึ้นกว่าเดิมที่เป็นอยู่
ปลัดกีฬา กล่าวทิ้งท้ายว่า ในส่วนของ กองทุนต่างๆ เช่น กองทุนพัฒนากีฬาอาชีพ กองทุนกีฬามวย กองทุนพัฒนากีฬาชาติ ซึ่งกำลังเป็นปัญหา เนื่องจาก กองทุนพัฒนากีฬาชาติ มีความเกี่ยวข้องกับทุกชนิดกีฬา ในส่วนที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุดคือ ประเด็นของนักกีฬาหูหนวกที่ยังไม่ได้กำหนดให้เป็นผู้พิการตาม IBC และระเบียบของกองทุนเองก็ยังไม่ได้กำหนดให้เป็นคนพิการด้วย จึงไม่ได้รับสวัสดิการตามกองทุนนี้ อีกทั้งควรแก้ไขเกณฑ์ในการรับเงินสวัสดิการของคนพิการอีกด้วย ซึ่งตนมีความมั่นใจว่ากฎหมายต่างๆที่มีการพิจารณาในวันนี้ จะมีความสมบูรณ์ ทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์และแนวโน้มความก้าวหน้าของสังคมทั้งทางด้านการกีฬาและการท่องเที่ยว ซึ่ง คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ จะได้พิจารณาและส่งต่อไปตามกระบวนการพิจารณากฎหมายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ต่อไป