กรุงเทพฯ--19 ธ.ค.--อาร์.เอส.โปรโมชั่น
จากภัยพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิ ได้คร่าชีวิตนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติไปราว-ครึ่งหมื่นและยังได้ทำลายแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของ 6 จังหวัด ชายฝั่งทะเลอันดามัน คือจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา สตูล ระนอง ตรัง จนเป็นโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ ที่ต้องบันทึกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
และในเหตุการณ์ครั้งนั้นก็มีผู้ที่รอดชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหนึ่งในผู้รอดชีวิตก็มีนาธาน โอร์มาน นักร้องชื่อดังของบริษัทอาร์.เอส.ฯ ที่กำลังมีผลงานอัลบั้ม สิ่งที่เรียกว่า “หัวใจ” โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นนักร้องหนุ่ม นาธาน โอร์มาน ได้เป็นผู้ที่เผชิญหน้ากับคลื่นยักษ์ สึนามิ จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ผ่านมาเกือบ 1 ปี หนุ่ม นาธาน จึงได้เดินทางไปย้อนรำลึกถึงวันดังกล่าว ณ เกาะมอแกน จังหวัดพังงา เพื่อไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านที่เคยประสบเหตุภัยธรรมชาตินี้
การเดินทางในครั้งนี้นาธานไปถึงภูเก็ต ประมาณบ่ายโมง จากนั้นก็ต้องนั่งรถอีก 2 ชั่วโมง เพื่อไปยัง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เพื่อขึ้นเรือไปยัง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ โดยมีหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ (คุณสมเกียรติ หลวงบำรุง)ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้ตลอดการเยี่ยมชม นาธาน หนุ่มนักเดินทางก็ได้เล่าให้ฟังพร้อมกับชี้ให้ดูว่าก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามินั้น บริเวณต่างๆตรงนั้นตรงนี้ได้เคยมีตึกรามบ้านช่องและมีอาคารอยู่ตรงไหนอย่างไรบ้าง และนาธานได้พาไปดูแผนผังที่ทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ได้ทำขึ้นไว้สำหรับบอกเส้นทางหนีภัยให้กับนักท่องเที่ยวได้ศึกษาหากเกิดเหตุการณ์ภัยธรรมชาติใดๆขึ้นอีก จากนั้น นาธาน ก็ได้พาเดินอ้อมไปชมเสาไม้ต้นหนึ่งที่เรียกว่า “ลอโปง” โดยเสานี้มีลักษณะเป็นเสาไม้ทาสีรอบๆต้นหลายสี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่บอกว่า เป็นเสาที่ชาวเกาะมอแกนนั้นให้ความเคารพอย่างมากเพราะเป็นเสมือนตัวแทนสัญลักษณ์ของผีบรรพบุรุษของชาวเกาะมอแกน
เมื่อเยี่ยมชมจนทั่วบริเวณแล้ว นาธานก็นั่งเรือต่อไป เพื่อจะไปยังเกาะมอแกน ที่หมายของการเดินทางในทริปนี้ เมื่อไปถึง สถานที่แรกที่นาธานพาไปก็คือโรงเรียนแห่งแรกของมอแกน โดยนาธานเล่าว่าโรงเรียนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์สึนามิ มีชื่อว่า “ศูนย์การเรียนชุมชนมอร์แกน” ซึ่งจากคำบอกเล่าของครูโจ้ (คุณชนะ แก้วกุดัง) ได้บอกว่าที่โรงเรียนนี้มีคุณครูอยู่เพียงสองคนเพื่อสอนให้เด็กๆที่อยู่บนเกาะอ่าน-เขียนภาษาไทยได้ และในวันนี้นาธาน ก็ได้มาสอนเด็กๆให้วาดรูปด้วย ซึ่งก็ช่วยสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลินให้กับเด็กๆเป็นอย่างดี เมื่อสอนเสร็จแล้วก็เดินไปช่วยเด็กๆเก็บขยะบนเกาะ โดยครูโจ้เล่าว่าพวกขยะต่างๆชาวบ้านและเด็กๆทุกคนบนเกาะจะต้องช่วยกันกำจัดออกไปเพราะขยะจะทำให้ทัศนียภาพบนเกาะของพวกเค้าเสียและจะส่งผลให้ความสวยงามตามธรรมชาติของเกาะลดน้อยลง เมื่อช่วยเด็กๆเสร็จแล้วนาธานก็เดินไปเห็นชาวบ้านกำลังสร้างเรือกันอยู่ จากการสอบถามจึงทราบว่าเรือที่กำลังสร้างอยู่นี้เรียกว่า “เรือมอแกน” ซึ่งชาวเกาะมอแกนใช้เป็นพาหนะ ซึ่งจะมีขนาดแตกต่างกันไปแล้วแต่การใช้งาน โดยเรือของชาวมอแกนจะเป็นเรือที่ทำจากไม้เพียงต้นเดียวและนำมาแกะเป็นเรือ ส่วนเศษไม่ที่เหลือจากการนำมาทำเรือ ชาวบ้านผู้หญิงก็จะนำมาแกะเป็นเรือลำเล็กๆ เอาไว้ขายให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อเป็นของที่ระลึกในการมาเยือนเกาะของพวกเค้า สำหรับเรือที่ชาวบ้านกำลังสร้างอยู่นี้เป็นเรือขนาดใหญ่ ทำจากไม้ชะโอนหรือที่ชาวมอแกนเรียกว่า ไม้หลาโอน ดูการสร้างเรืออยู่พักใหญ่ นาธานก็เดินไปยังบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งนาธานบอกว่าเป็นบ้านของคุณยายคนหนึ่งที่ร่วมผจญกับคลื่นยักษ์สึนามิ ด้วยกัน เมื่อไปถึงนาธานและคุณยายก็พูดคุยและถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบอยู่นาน ซึ่งการมาเยี่ยมคราวนี้ได้สร้างความดีใจให้กับคุณยายเป็นอย่างมาก นาธานบอกว่ามาที่เกาะมอแกนทุกครั้งจะต้องแวะมาเยี่ยมคุณยายคนนี้เสมอเพราะมีความรักและผูกพันกับคุณยายคนนี้เหมือนกับญาติคนหนึ่งจริงๆ
จากนั้นหัวหน้าหมู่บ้าน (คุณซาลามะ กล้าทะเล) ก็พานาธานไปดูฉมวกจับปลาของชาวมอแกน ที่มีเอาไว้สำหรับออกหาปลามาทาน ซึ่งฉมวกของที่นี่มี 2 แบบ คือฉมวกแบบใช้บนน้ำ กับฉมวกที่ใช้ใต้น้ำ สำหรับอาชีพของชาวมอแกนนั้น ผู้ชายจะมีอาชีพจับปลา ส่วนผู้หญิงนอกจากจะเลี้ยงดูเด็กๆบนเกาะแล้วก็จะมีอาชีพหาหอยมาเป็นอาหาร หลังจากนั้น นาธานก็พาเดินชมสภาพความเป็นอยู่รอบๆเกาะที่เปลี่ยนแปลงไปหลังเกิดเหตุการณ์ร้าย พร้อมเล่าถึงเรื่องราวความทรงจำและการได้กลับมาที่เกาะมอแกนในครั้งนี้ว่า
“หลังจากที่เกิดเหตุการณ์คลื่นสึนามิ จนถึงวันนี้ที่ธานมีโอกาสได้กลับมา ก็เกือบหนึ่งปีแล้วครับ แต่ว่าก่อนหน้านี้เวลาที่ธานมีเวลาว่าง ธาน ก็มาเยี่ยมคนที่มอแกนหลายครั้งแล้วครับ มีทั้งมาช่วยบริจาคของและก็มาเยี่ยมเยียนคนที่เกาะนี้ เวลาที่ธานได้มาที่นี่ทีไรก็เหมือนกับได้กลับมาหาญาติทุกครั้ง เพราะว่ามักจะได้รับความรู้สึกดีๆ ความมีน้ำใจจากคนที่นี่อยู่เสมอ ยิ่งหลังจากเกิดเรื่องธานก็ยิ่งมีความรู้สึกกับทุกคนที่นี่เหมือนเป็นญาติพี่น้องที่มีบุญคุณครับ เพราะอย่างที่ทราบที่นี่เป็นที่ๆธานรอดชีวิตจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ แม้ว่าเรื่องราวจะผ่านมาเกือบ1ปีแล้วก็ตาม แต่ในความรู้สึกของธานเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ไม่มีวันจะเลือนหายไปเลย เพราะมันเป็นเหมือนฝันที่ร้ายที่สุดในชีวิต เรื่องครั้งนั้นทำให้ธานรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้ตายแล้วเกิดใหม่ยังไงยังงั้นเลยครับ (ยิ้ม) หลังจากเกิดเรื่องทำให้ชีวิตธานเปลี่ยนไป ธานได้รู้ว่าธานมีเพื่อนมีคนที่รักและหวังดีอยู่รอบๆเยอะมากๆ ทุกสิ่งที่ธานได้รับมามันเป็นสิ่งมีค่ายิ่งใหญ่ที่ธานไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้เจอ ส่วนสาเหตุที่ธานกลับมาในวันนี้ก็เพราะว่าจะครบรอบ 1 ปีที่เกิดเรื่องร้ายๆขึ้นครับ ซึ่งมีหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อย่างเช่นมีโรงเรียนให้กับเด็กๆ มีคนรู้จักและมาเที่ยวที่เกาะนี้มากขึ้น และทำให้ชาวบ้านที่นี่มีรายได้ด้วย ซึ่งสิ่งที่ทำรายได้ให้กับคนที่นี่คือ การแกะเรือไม้ครับ ซึ่งเรือไม้ที่ชาวบ้านแกะกันจะเป็นเหมือนกับของที่ระลึกให้กับผู้ที่มาเยือนเกาะมอแกนนี้ครับ เรียกว่าเป็นสินค้า OTOP(โอทอป) ของที่นี่ได้เลย(ยิ้ม) อีกสิ่งหนึ่งที่การกลับมาครั้งนี้แล้วธานรู้สึกประทับใจนั่นก็คือ ธานได้มาเยี่ยมคุณยายที่รอดชีวิตจากคลื่นยักษ์สึนามิด้วยกันครับ คือคุณยายคนนี้เป็นคนที่ธานพาหนีคลื่นยักษ์ด้วยกันแล้วเราก็รอดชีวิตด้วยกันครับ ซึ่งคุณยายคนนี้เป็นคนที่ชาวมอแกนให้ความเคารพนับถือมากๆ เพราะเป็นคนเก่าแก่ธานเองก็เลยรักและเคารพคุณยายมากเหมือนกันครับ ธานก็อยากจะขอเชิญชวนให้ทุกคนที่รักทะเลและธรรมชาติให้มาเที่ยวที่เกาะมอแกนกันนะครับ เพราะนอกจากจะได้ชมทัศนียภาพทางธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ทุกคนที่นี่ก็ยังน่ารักและเป็นมิตรมากๆมาแล้ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน”
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--