กรุงเทพฯ--5 ก.ค.--กรมบัญชีกลาง
กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ร่วมกับ ธนาคารพาณิชย์ไทย จัดพิธี ลงนามโครงการกู้เงินกับสถาบันการเงินโดยใช้บำเหน็จตกทอดค้ำประกัน เพื่อเป็นการขยายโอกาสให้แก่ผู้ มีสิทธิรับบำเหน็จตกทอดได้เข้าถึงแหล่งเงินทุน พร้อมลดช่องว่างในการพึ่งพาเงินทุนนอกระบบ พร้อมเปิดให้ผู้มีสิทธิเข้าระบบกู้เงินกับ 13 ธนาคารชั้นนำ ได้แล้ววันนี้
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานพิธีลงนามโครงการกู้เงินกับสถาบันการเงินโดยใช้บำเหน็จตกทอดค้ำประกัน เปิดเผยว่า ในปัจจุบันมีบุคคลผู้มีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญเป็นจำนวนมาก แต่ยังขาดซึ่งการส่งเสริมให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ด้วยเหตุนี้ทางกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังจึงดำเนินการโครงการกู้เงินกับสถาบันการเงินโดยใช้บำเหน็จตกทอดค้ำประกัน เป็นการสร้างโอกาสให้ผู้มีสิทธิรับบำเหน็จตกทอด สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อใช้ในการ ลงทุน ประกอบอาชีพ ขยายกิจการ ตลอดจนการดำรงชีวิตได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยลดการพึ่งพาเงินทุนนอกระบบ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้นจากนายทุนนอกระบบได้ส่วนหนึ่ง ถือเป็นการช่วยเพิ่มช่องทางการรับสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้รับบำนาญและทายาทหรือผู้ได้รับสิทธิในการแปลงสวัสดิการระยะยาวเป็นเงินทุน ซึ่งสามารถได้รับผลประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ครบถ้วน และรวดเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับโครงการกู้เงินกับสถาบันการเงินโดยใช้บำเหน็จตกทอดค้ำประกัน ที่จัดขึ้นนี้มีจุดประสงค์ความร่วมมือกับธนาคารต่างๆ ในการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านการใช้ระบบสวัสดิการของรัฐเป็นตัวค้ำประกัน พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกให้ผู้มีสิทธิสามารถใช้บริการได้จากสถาบันการเงินที่หลากหลาย โดยมีธนาคารพาณิชย์ไทยจำนวน 13 แห่ง ให้การสนับสนุน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อมแห่งประเทศไทย, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน), ธนาคารออมสิน, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยแต่ละธนาคารจะมีเงื่อนไข ในการให้สินเชื่อที่แตกต่างกันไปตามข้อกำหนดของแต่ละแห่ง
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า สำหรับหลักเกณฑ์โครงการกู้เงินกับสถาบันการเงินโดยใช้บำเหน็จตกทอดค้ำประกันนั้น ทางผู้มีสิทธิจะต้องมีหนังสือรับรองสิทธิบำเหน็จตกทอดเพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้เงิน โดยมีที่มาจาก ผู้รับบำนาญ ที่มีทายาท และหรือมีหนังสือแสดงเจตนาระบุตัวผู้รับบำเหน็จตกทอด ต้องทำหนังสือแสดงเจตนาให้นายทะเบียนบันทึกลงในระบบบำเหน็จบำนาญให้สมบูรณ์ ซึ่งการระบุตัวผู้รับบำเหน็จตกทอด ในหนังสือแสดงเจตนา ให้ระบุให้กับคนอื่นที่ไม่ใช่บิดา มารดา คู่สมรสหรือบุตร โดยกรณีที่บุคคลเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ ณ วันที่ผู้รับบำนาญเสียชีวิต ผู้มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จตกทอดคือทายาทในกลุ่ม บิดามารดา คู่สมรสหรือบุตรเท่านั้น บุคคลที่ระบุในหนังสือแสดงเจตนาจะไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จตกทอด ถ้าทายาทในกลุ่มดังกล่าวยังมีชีวิตอยู่
ในการปฏิบัติเพื่อกู้เงินกับสถาบันการเงินโดยใช้บำเหน็จตกทอดค้ำประกันนั้น จะต้องวางแผนและ ตัดสินใจจะกู้เงินโดยใช้บำเหน็จตกทอดคงเหลือไปค้ำประกัน โดยต้องคำนึงไว้ว่าเมื่อส่วนราชการที่รับคำร้องบันทึกรับคำร้องลงในระบบบำเหน็จค้ำประกันแล้ว จะไม่สามารถทำรายการขอรับบำเหน็จดำรงชีพสำหรับรายการนั้นได้อีก สำหรับขั้นตอนการติดต่อส่วนราชการผู้เบิก ได้แก่ การเขียนและยื่นแบบคำร้อง การขอให้ออกหนังสือรับรองและยินยอมให้ส่วนราชการผู้เบิกหักเงินบำนาญเพื่อชำระคืนเงินกู้ให้ธนาคาร โดยส่วนราชการผู้เบิกจะทำการตรวจสอบฐานข้อมูล ความสมบูรณ์ของรายการทายาท และหรือบุคคลที่ได้ทำหนังสือแสดงเจตนาไว้แล้วจะบันทึกข้อมูลลงในระบบ ส่วนผู้มีสิทธิให้นำหนังสือรับรองไปยื่นกู้กับธนาคารที่ร่วมโครงการที่ให้เงื่อนไขดีที่สุดเพียงแห่งเดียว โดยหากจะกู้ใหม่อีกครั้งต้องชำระหนี้ให้หมดก่อน จากนั้นธนาคารจะเข้าตรวจสอบข้อมูลการมีสิทธิกู้เงินและสถานะทางการเงินของผู้ยื่นกู้จากฐานข้อมูลในระบบ โดยธนาคารเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติ หรือไม่อนุมัติเงินกู้และจะเรียกเงินคืนจากผู้กู้ เมื่อผิดสัญญา หรือบำนาญรายเดือนไม่พอหัก หรือเสียชีวิตก่อนชำระหนี้หมด ทั้งนี้ กรมบัญชีกลาง จะรวบรวมและโอนเงิน ที่ส่วนราชการทำรายการหักหนี้เงินกู้จากบำนาญไปให้ธนาคารผู้ให้กู้ หรือสั่งจ่ายบำเหน็จตกทอดเพื่อชำระคืนเงินกู้ในส่วนที่เหลือให้แก่ธนาคารในกรณีที่ผู้กู้ไม่สามารถชำระเงินกู้คืนธนาคารได้ ตลอดจนสั่งจ่ายบำเหน็จตกทอดส่วนที่เหลือจากการชำระหนี้เงินกู้ให้แก่ทายาทหรือผู้มีสิทธิรับเงินตามกฎหมายต่อไป สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อส่วนราชการ ผู้เบิกในสังกัดส่วนกลาง หรือส่วนภูมิภาค สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมบัญชีกลาง CALL CENTER โทร. 0-2270-6400-3 และสำนักงานคลังจังหวัดทั่วประเทศ
ติดต่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมที่
ฉัตรปวีร์ ณัฐนิธิ,กาญจนา พุ่มพวงและศวัสรุจา รัตนบุผา,
Email: khunwa13@hotmail.com; Karn_pumpuang@hotmail.com, sawatruja_mc@hotmail.com