กรุงเทพฯ--25 มิ.ย.--สปส.
สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ขยายผล โครงการบริจาคโลหิตไปทั่วประเทศ หลังจากประสบความสำเร็จในโครงการนำร่อง “โครงการทำความดีถวายพระเจ้าอยู่หัว”ด้วยการบริจาคโลหิต
นายอภัย จันทนจุลกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า “โครงการสปส.สู่ผู้ประกันตน รวมพลทำดีถวายในหลวง” นับเป็นการทำความดีต่อยอดจาก “โครงการทำดีถวายพระเจ้าอยู่หัวด้วยการบริจาคโลหิต” ที่สำนักงานประกันสังคมร่วมกับสภากาชาดไทย และจังหวัดปทุมธานี ได้จัดขึ้นในวันที่ 19 มีนาคม 2550 ณ บริษัทเยเนอรัล ฮอสปิตัล โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานีนั้น ผลการดำเนินงานตามโครงการฯ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี กล่าวคือ มีลูกจ้าง ผู้ประกันตน เข้าร่วมบริจาคโลหิตรวมถึง 348 คน สภากาชาดไทยได้รับเลือด 315 ยูนิต ได้ผลเกินเป้าหมายจากที่ตั้งไว้อย่างน้อย 200 ยูนิต
การจัดโครงการ “โครงการสปส.สู่ผู้ประกันตน รวมพลทำดีถวายในหลวง” จัดขึ้นทั้ง 6 ภาค ทั่วประเทศ ระยะเวลาดำเนินการภาคละ 1 สัปดาห์ โดย เริ่มดำเนินโครงการตั้งวันที่ 21 พ.ค.-1 ก.ค.50 โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการไปแล้ว 5 ภาค ได้แก่ ที่ภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคเหนือและภาคตะวันตก มีผู้ประกันตนเข้าร่วมโครงการจำนวน 5,152 คน ได้รับโลหิตจำนวน 4,031 ยูนิต สำหรับในสัปดาห์นี้เป็นสุดท้ายของโครงการฯ โดยจัดขึ้นภาคกลางและกำหนดให้มีพิธีเปิดที่ จังหวัดสมุทรปราการ
นายอภัย กล่าวต่อไปว่า โครงการ “สปส.สู่ผู้ประกันตน รวมพลทำความดีถวายในหลวง” นอกจากจะเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ประกันตนกว่า 9 ล้านคนทั่วประเทศได้ร่วมกันทำมหากุศลอันยิ่งใหญ่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแก่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษาแล้ว นายจ้าง ลูกจ้างและผู้ประกันตนยังจะได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากกองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน ผ่านหน่วยประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ของสปส. รวมทั้งมีการส่งเสริมการรักษาสุขภาพ การจัดบริการให้แก่ลูกจ้าง ผู้ประกันตนในวัยทำงานด้วย
ดังนั้นจึงขอเชิญชวนให้ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ซึ่งถือเป็นขุมกำลังสำคัญของประเทศ ร่วมกันบริจาคโลหิตในโครงการฯ ที่จังหวัดของท่านเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และนับเป็นอีกหนึ่งวิธีในการทำความดีด้วยการเป็นผู้ให้ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกทางหนึ่ง โดยผู้ประกันตน ที่จะมาร่วมโครงการบริจาคโลหิตควรเตรียมตัวก่อนถึงวันบริจาคเพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและของผู้ป่วยที่จะรับโลหิตของท่าน อาทิ ต้องนอนหลับอย่างเพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมง หากรับประทานยาแอสไพริน ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาแก้ปวดอื่นๆต้องหยุดมาแล้ว 3 วัน ถ้าเป็นยาแก้อักเสบหรือยาอื่นๆ ต้องหยุดมาแล้ว 7 วัน สตรีต้องไม่อยู่ในภาวะมีรอบเดือนเป็นต้น
ศูนย์สารนิเทศ สายด่วน 1506 /www.sso.go.th