สสส.หนุน “พ่อ-แม่” เปิดอก-เข้าถึง-เข้าใจ วัยรุ่น ใส่ใจ “ทุกขภาวะ” และ “สุขภาวะ” ทางเพศเยาวชน

ข่าวทั่วไป Thursday July 7, 2011 11:24 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 ก.ค.--บรอดคาซท์ วิตามิน บี เรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ “เพศ” ของ “วัยรุ่น” มักจะเป็นปัญหาที่ถูกผู้ปกครองและคนส่วนใหญ่ในสังคมมีทัศนคติเชิงลบ โดยมองว่าเด็กและเยาวชนไม่ควรพูดถึงเรื่องเหล่านี้ ทั้งๆ ที่เรื่องเพศนั้นมีความกว้างขวาง ครอบคลุม และเป็นองค์ประกอบหนึ่งของชีวิตที่เยาวชนทุกคนควรได้เรียนรู้อย่างถูกต้องและเหมาะสม จากปัญหาความไม่เข้าใจดังกล่าว มูลนิธิศักยภาพเยาวชน (ไทยัพ) จึงได้จัดทำ “โครงการสุขภาวะทางเพศเพื่อชุมชน” ขึ้นเพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ พัฒนาศักยภาพและทักษะชีวิตให้เยาวชนในพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ได้เกิดความเข้าใจตนเอง เข้าใจผู้อื่น และเข้าใจสังคม ผ่านกระบวนการสื่อสารเรื่องเพศเชิงบวก และสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาวะทางเพศสำหรับเด็กและเยาวชนให้เกิดแก่ครอบครัว ชุมชน และสังคม โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นางสาวกุลนันท์ เผดิมวรรณพงษ์ ผู้จัดการโครงการ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามูลนิธิฯ ได้ทำงานเรื่องโรคเอดส์และพัฒนาศักยภาพเยาวชนมาโดยตลอด ซึ่งเรื่องเพศนั้นได้มีการพูดคุยอบรมให้ความรู้กับเยาวชนอย่างสม่ำเสมอ ปัญหาที่พบคือเด็กเข้าใจแต่ไม่สามารถสื่อสารกับผู้ปกครองได้ เพราะพ่อแม่ยังไม่เปิดใจรับ รวมทั้งมีแนวคิดและทัศนคติค่อนไปด้านเชิงลบ “เมื่อชวนน้องๆ ไปทำกิจกรรม ผู้ปกครองก็จะถามว่า ไปทำอะไร ได้อะไร ไปคุยเรื่องเพศเรื่องอะไร ซึ่งส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าการพูดเรื่องเพศเป็นเรื่องใต้สะดือ เวลาน้องๆ ไปแจกถุงยางวันวาเลนไทน์หรือสาธิตใส่ถุงยาง คนในชุมชนที่มานั่งดูก็จะงง ไม่เข้าใจ ท้วงติงว่าเด็กไม่ควรพูดถึงเรื่องเหล่านี้เพราะมันไม่ดี แต่จริงๆ เรื่องเพศเป็นองค์ประกอบชีวิตที่ต้องเรียนรู้ ทางมูลนิธิก็เลยขยับมาทำกิจกรรมร่วมกับผู้ปกครองเพื่อที่จะสร้างความเข้าใจในเรื่องสุขภาวะทางเพศให้เกิดขึ้นในชุมชนด้วย” นางสาวกุลนันท์กล่าว ทางมูลนิธิศักยภาพเยาวชน จึงได้จัดค่าย อบรมเสริมสร้างแนวคิดความเข้าใจเรื่องสุขภาวะทางเพศให้กับเยาวชน รวมถึง อบรมเสริมสร้างแนวคิดเรื่องสุขภาวะทางเพศให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครอบครัว แกนนำชุมชน เพื่อให้ชุมชนเกิดความเข้าใจในเรื่องปัจจัยความเสี่ยงที่เยาวชนต้องเผชิญ และร่วมกันแสวงหาแนวทางการทำงานเพื่อให้เกิดสุขภาวะทางเพศที่ดีกับเยาวชน นอกจากนี้ยังมีการจัด ค่ายสร้างความเข้มแข็งภายในเข้าใจตนเอง เพื่อให้ทราบถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิด “ทุกขภาวะและสุขภาวะทางเพศ” และจัดค่ายอบรม “ครอบครัวสัมพันธ์” ระหว่างเยาวชนและผู้ปกครอง เพื่อให้ผู้ปกครองเข้าใจวิถีชีวิตของบุตรหลานและทำให้เกิดการสื่อสารที่เข้าใจซึ่งกันและกัน โดย “ครอบครัวโพธิ” ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆ ครอบครัวที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมของโครงการฯ จนก้าวขึ้นมาเป็น “ครอบครัวจิตอาสา” ที่ประกอบไปด้วย นายณรงค์ และ นางอารีรัตน์ โพธิ ซึ่งเป็นคุณพ่อและคุณแม่ของ นายนพพล โพธิ หรือ “น้องไอซ์” อายุ 15 ปี นักศึกษา ปวช.ปี 2 โรงเรียนพายัพเทคโนโลยีและบริหารธุรกิจ ได้ช่วยกันเล่าถึงเรื่องเพศของเด็กวัยรุ่นว่า “ตอนแรกที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ ภาษาชาวบ้านเราก็มองว่าเป็นเด็กที่พูดเรื่องนี้เป็นเด็กแก่แดด เรื่องใต้สะดือเป็นเรื่องที่ไม่คุยกัน แต่ทุกวันนี้เราก็ต้องยอมรับว่ายุคสมัยมันแตกต่างกัน หากเรากล้าเปิดใจยอมรับ เขาก็จะกล้าคุยให้เราฟัง ซึ่งแต่ก่อนนี้เวลาใครมาคุยเรื่องนี้เรารับไม่ได้ คิดว่าเขาควรเรียนอย่างเดียว แต่พอไปอบรมเราถึงเข้าใจและรู้ว่า เขาควรรู้เรื่องสุขภาวะทางเพศตั้งแต่ 10 ขวบด้วยซ้ำไป และอย่าปิดกั้นความคิดของลูก ถ้าลูกกล้าถาม เราก็ต้องกล้าตอบลูก เปิดใจกว้าง” นางอารีรัตน์กล่าว ซึ่งการให้ความรู้ในเรื่องเพศนั้น คุณพ่อณรงค์ กล่าวเสริมว่า “การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร อาจทำให้เด็กเสียโอกาส ดังนั้นจึงควรกระจายความรู้ในเรื่องนี้ออกไปสู่ครอบครัวอื่นๆ ให้มากขึ้น เพราะบางครอบครัวไม่เข้าใจเด็ก ปล่อยเด็กมากเกินไป เมื่อพลาดพลั้งก็จะส่งผลให้พลาดโอกาสในการศึกษาด้วย” ส่วน “น้องไอซ์” บอกว่าโดยปกติแล้วที่โรงเรียนจะไม่ค่อยเน้นและให้ความรู้ในเรื่องสุขภาวะทางเพศ เท่าไหร่ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้มีความสำคัญ และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดูแลป้องกันตนเองเช่น ความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคเอดส์ การใช้ถุงยางอย่างถูกวิธี การนับหน้า 7 หลัง 7 และการใช้ยาคุมฉุกเฉิน “เรื่องเหล่านี้เป็นความรู้รอบตัวที่เราก็ควรรู้ไว้ ไม่มีอะไรเสียหาย เวลาที่ไปบอกหรือถ่ายทอดให้กับน้องๆ ที่โรงเรียนก็จะบอกว่าการที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เป็นการคิดที่ผิด ทำให้เสียการเรียน เอาความทุกข์มาให้พ่อแม่” น้องไอซ์ระบุ ด้าน “ครอบครัวฟองฤทธิ์” ที่มี นางแสงจันทร์ ฟองฤทธิ์ และลูกสาว “น้องมายด์” หรือ นางสาวแสงระรินทร์ ฟองฤทธิ์ นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนช่องฟ้าซินเซิงวาณิชบำรุง ก็เป็นอีกครอบครัวหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการ โดยกล่าวถึงปัญหาของเด็กวัยรุ่นในปัจจุบันว่าเกิดขึ้นมาจากความอบอุ่นครอบครัว “ไปเข้าค่ายทำให้แม่กับลูกได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้น ได้พูดคุยกันได้ ระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก จากเดิมที่แยกกันไปคนละทางก็ได้หันมาคุยกัน ก็พยายามหาเวลาเข้าหาลูกให้ใกล้ที่สุด พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง เพราะเข้าใจว่าปัญหาของเด็กในปัจจุบันคือขาดความอบอุ่นจากครอบครัว” คุณแม่แสงจันทร์กล่าว ด้าน “น้องมายด์” กล่าวว่าเรื่องสุขภาวะทางเพศก็คือเรื่องเกือบทั้งหมดของวัยรุ่นที่ควรรู้ เช่นเรื่องเพศหญิงเพศชาย การวางตัวกับเพศตรงข้าม ทำให้รู้ว่าถึงจะเป็นเพศตรงข้ามก็เป็นเพื่อนกันได้ “สำหรับเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนนั้น ก็จะแนะนำและบอกกับเพื่อนๆ ว่า เรื่องแบบนี้มันไม่มีข้อดีอยู่แล้ว เราต้องบอกเพื่อน เราบังคับใจเขาไม่ได้ แต่บอกได้ว่าเรื่องแบบนี้มันไม่สมควร ผลที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าเป็นอย่างไร คนข้างหลังจะเสียใจไหม พ่อแม่จะรู้สึกอย่างไร เรื่องแบบนี้มาที่หลังก็ได้ มันไม่ได้จำเป็น ตั้งใจเรียนดีกว่า” นายมายด์ระบุ “เราอยากเห็นเยาวชนของเรามีสติ คิดได้ วิเคราะห์เป็น และรู้จักตัวเองจริงๆ ไม่ใช่เป็นไปตามกระแส หรือทำตามเพื่อน โดยเฉพาะเรื่องเพศนั้นเกี่ยวข้องกับทุกเพศทุกวัย เกิดมาก็มีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวแล้ว มีครอบครัว ชุมชน ทุกอย่างเป็นองค์ประกอบ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันทุกอย่าง ตั้งแต่เด็กจนโต ตั้งแต่เช้าจนค่ำ เรื่องเพศมันเป็นองค์ประกอบชีวิตที่ต้องเรียนรู้ และจัดการกับมันได้ และอยากเด็กและเยาวชนให้ได้เป็นกระบอกเสียง ช่วยสื่อสารและสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับชุมชนในเรื่องสุขภาวะทางเพศ” ผู้จัดการโครงการกล่าวสรุป.
แท็ก สสส.  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ