กรุงเทพฯ--7 ก.ค.--โจนส์ แลง ลาซาลล์
ในภาวะปกติ อุปสงค์หรือความต้องการในภาคอสังหาริมทรัพย์ จะผูกติดกับสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ แต่สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยมีตัวแปรที่ต่างออกไป ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่าน ความต้องการในภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยมีการขยายตัวอย่างเชื่องช้า เนื่องจากได้รับผลกระทบกับจากความผันผวนทางการเมืองภายในประเทศ โจนส์ แลง ลาซาลล์คาดหวังว่า รัฐบาลชุดใหม่จะประสบความสำเร็จในการยุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6 ปี ซึ่งจะช่วยเร่งให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เป็นที่ค่อนข้างชัดเจนว่า ความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย มีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ดังจะเห็นได้จากการที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดไว้ แม้ในปี 2553 ที่ผ่านมา ประเทศไทยจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ดังนั้น หากรัฐบาลที่จะมีการตั้งขึ้นใหม่สามารถสร้างเสถียรภาพทางการเมืองได้สำเร็จ คาดว่าความต้องการในตลาดอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งเป็นทุนเดิม จะสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว”
ความต้องการในตลาดอาคารสำนักงานมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น
นับจากปี 2550 การขยายตัวของเศรษฐกิจมีการขยายตัวลดลง ความต้องการใช้พื้นที่สำนักงานให้เช่าในกรุงเทพฯ มีการขยายตัวลดลงตามด้วยเช่นกัน โดยในปี 2550 ตัวเลขจีดีพีของไทยมีการขยายตัวที่ 4.8% ปี 2551 ขยายตัว 2.5% ส่วนปี 2552 ติดลบ 2.2% ความต้องการในตลาดอาคารสำนักงานกรุงเทพฯ ในช่วงดังกล่าวมีทิศทางเดียวกัน โดยระหว่างปี 2550-2552 มีบริษัทและองค์กรต่างๆ เช่าพื้นที่สำนักงานเพิ่มขึ้นในแต่ละปีเฉลี่ยเพียงกว่า 55,000 ตารางเมตรเล็กน้อย
ในปี 2553 ที่ผ่าน เศรษฐกิจไทยขยายตัวมากถึงเกือบ 8% ความต้องการในตลาดอาคารสำนักงานของกรุงเทพฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน โดยทั้งปีมีการใช้พื้นที่สำนักงานเพิ่ม 110,000 ตารางเมตร อย่างไรก็ดี ยังเป็นระดับที่ต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองมาก โดยระหว่างปี 2543-2549 มีการใช้พื้นที่สำนักงานเพิ่มเฉลี่ยมากถึงปีละ 250,000 ตารางเมตร แม้การขยายตัวของจีดีพีในช่วงดังกล่าวจะไม่สูงเท่ากับปี 2553
สำหรับช่วงครึ่งแรกของปี 2554 ตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ มีการเช่าพื้นที่สำนักงานเพิ่มไปแล้วมากกว่า 107,000 ตารางเมตร ตอบรับกับสถานการณ์ทางการเมืองในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาที่ไม่มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น
นางสุพินท์กล่าวว่า “หากรัฐบาลที่กำลังจะมีการจัดตั้งขึ้นใหม่ สามารถฟื้นฟูเสถียรภาพทางการเมืองได้สำเร็จ มีความเป็นไปได้ว่า ความต้องการในตลาดอาคารสำนักงานในปีนี้จะสามารถฟื้นตัวกลับไปที่ระดับก่อนหน้าเกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศได้ เสถียรภาพทางการเมืองจะเพิ่มโอกาสการเติบโตให้เศรษฐกิจของประเทศ ช่วยเรียกกลับความเชื่อมั่น และกระตุ้นให้บริษัทต่างๆ ทั้งของไทยและต่างชาติมีการขยายธุรกิจ ซึ่งทั้งหมดนี้ จะเป็นแหล่งที่มาของความต้องการในตลาดอาคารสำนักงาน”
ตลาดที่อยู่อาศัยระดับไฮเอ็นด์ในกรุงเทพฯ ภูเก็ตและพัทยา รอการกลับมาของผู้ซื้อต่างชาติ
ตลาดที่อยู่อาศัยระดับไฮเอ็นด์ในกรุงเทพฯ ภูเก็ตและพัทยา มีชาวต่างชาติเป็นกลุ่มผู้ซื้อเป้าหมายที่สำคัญกลุ่มหนึ่ง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบไม่น้อยจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง และสถานการณ์ยิ่งแย่ลงหลังวิกฤติการณ์ทางการเงินโลกเริ่มขยายตัวขึ้นในปลายปี 2551
สำหรับในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ตลาดที่อยู่อาศัยระดับไฮเอ็นด์ของทั้งสามเมืองเริ่มมีบรรยากาศที่ดีขึ้น หลังเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤติการณ์ทางการเงิน และสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยเริ่มสงบมากขึ้น โดยเริ่มมีชาวต่างชาติบางส่วนกลับเข้ามาเป็นผู้ซื้อ แต่อย่างไรก็ดี ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ยังคงไม่ตัดสินใจซื้อ โดยยังคงรอดูสถานการณ์ต่อ
“โจนส์ แลง ลาซาลล์ยังได้รับการติดต่อสอบถามอย่างต่อเนื่องจากชาวต่างชาติที่สนใจซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ภูเก็ตและพัทยา เพื่อเป็นใช้เป็นที่พักในช่วงวันหยุดหรือที่อยู่อาศัยหลังเกษียรการทำงาน ดังนั้น มีความเป็นไปได้ว่า ความต้องการซื้อของชาวต่างชาติในตลาดที่อยู่อาศัยระดับไฮเอ็นด์ของทั้งสามเมืองจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เมื่อมีสัญญาณชัดเจนว่า ประเทศไทยมีเสถียรภาพทางการเมืองแล้ว” นางสุพินท์กล่าว