กรุงเทพฯ--8 ก.ค.--กรมส่งเสริมการส่งออก
สำนักส่งเสริมธุรกิจ SMEs เพื่อการส่งออก กรมส่งเสริมการส่งออก จัดกิจกรรม “ The 360 o SMEs Marketing for Export” เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความสามารถและสร้างเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ เตรียมความพร้อมสู่การส่งออกและสร้างเครือข่ายของสมาชิก “DEP SMEs CLUB” โดยจัดสัมมนาลงพื้นที่ตามภูมิภาคต่าง ๆ และเรียนเชิญวิทยากร นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้า หวังยกระดับคุณภาพและมาตรฐานผู้ประกอบการไทยพร้อมสู่การแข่งขันในเวทีสากล
นางมาลี โชคล้ำเลิศ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวถึงความสำคัญของผู้ประกอบการ SMEs ที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศว่า “ ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ถือเป็นธุรกิจส่วนใหญ่ของประเทศ ที่สร้างรายได้จากการส่งออกได้ถึง 30% กรมส่งเสริมการส่งออกจึงมุ่งให้การส่งเสริมและเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการ SMEs เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการตลาดและการค้าระหว่างประเทศ อันเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ที่ดีของธุรกิจ SMEs ไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ดังที่ผ่านมากรมส่งเสริมการส่งออก ได้จัดตั้ง “DEP SMEs Club” เพื่อช่วยส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการเข้าสู่ภาคการส่งออกและการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการผลักดัน การส่งออกให้เพิ่มขึ้นทั้งในเชิงปริมาณและมูลค่า พร้อมออกหน่วยเคลื่อนที่ให้คำแนะนำปรึกษาด้านการประกอบธุรกิจทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค รวมทั้งเป็นเวทีของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในการสร้างเครือข่าย พบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารความรู้ด้านการส่งออก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการ ตลอดทั้งโอกาสในการประสานความร่วมมือสร้างความเข้มแข็งในการเข้าถึงบริการส่งเสริมของภาครัฐและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
การดำเนินกการจัดกิจกรรม “The 360 o SMEs Marketing for Export” ครั้งนี้ ได้รวมกิจกรรมไว้ หมด 3 กิจกรรม เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างสมบูรณ์ที่สุด คือ กิจกรรมที่ 1. การจัดงานสัมมนา หัวข้อ “ธุรกิจติดปีก : จุดประกายความคิด SMEs พลังแห่งการสร้างสรรค์ 360 องศา” ไปยังภูมิภาคต่างๆ โดยเน้นภูมิภาค ที่มีสำนักงานของกรมส่งเสริมการส่งออกตั้งอยู่ หรือจังหวัดเป็นมีเป็นทางการค้าไปยังประเทศใกล้เคียง จำนวน 4 ครั้ง เป้าหมายจำนวนคน 400 คน ตามลำดับ ดังนี้
ครั้งที่ 1 วันที่ 2 สิงหาคม 2554 ณ จังหวัดเชียงใหม่
ครั้งที่ 2 วันที่ 16 สิงหาคม 2554 ณ จังหวัดนครพนม
ครั้งที่ 3 วันที่ 30 สิงหาคม 2554 ณ จังหวัดสุราษฎธานี
และครั้งที่ 4 วันที่ 8 กันยายน 2554 ณ จังหวัดจันทบุรี
กิจกรรมที่ 2. การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ และ Workshop วัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความรู้ด้านการตลาดเชิงลึก เพื่อผู้ประกอบการที่จะเข้าไปร่วมกิจกรรมขยายตลาดต่างประเทศ จำนวน 1 ครั้ง จำนวน 3 วัน โดยแบ่งกลุ่มผู้ประกอบการ เป็น 4 ตลาดเป้าหมาย คือ ตลาดจีน ตลาดเวียดนาม ตลาดอินเดีย และตลาดแอฟริกา โดยในวันแรก เป็นการอบรมให้ความรู้ในภาพรวม และแนะนำการเขียนแผนธุรกิจ วันที่สอง เป็นการจัดศึกษาดูงานในบริษัทที่ประสบความสำเร็จในการส่งออกตามกลุ่มตลาดเป้าหมาย เพื่อนำมาเป็นแนวทาง สำหรับการเขียนแผนธุรกิจของผู้ประกอบการแอง และวันสุดท้ายเป็นการทำ workshop แยกห้องตลาดส่งออก และนำเสนอแผนของผู้ประกอบการในตอนท้าย สำหรับเป้าหมายจำนวนผู้เข้าร่วมสัมมนาทั้งสิ้น 120 คน กำหนดการจัดในวันที่ 25-27 กรกฎาคม 2554 เวลา 09.00-16.00 น. ณ โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล ลาดพร้าว นี้
และกิจกรรมที่ 3. การออกคูหาเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ DEP SMEs Club และกิจกรรมกรมฯ ตลอดจนการออกหน่วยเคลื่อนที่เพื่อให้คำปรึกษา / คำแนะนำด้านการประกอบธุรกิจระหว่างประเทศ ทั้งในส่วนกลาง และภูมิภาค โดยเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2554 ได้จัดให้มีการสัมมนา หัวข้อ “ธุรกิจติดปีก : จุดประกายความคิด SMEs พลังแห่งการสร้างสรรค์ ๓๖o องศา” เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ ภายในห้องสัมมนา งานมหกรรมชี้ช่องรวย 2011 ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ ชั้น 4 เดอะมอลล์บางกะปิ ที่ผ่านมา
การจัดงานในวันนี้ เป็นการเปิดตัวโครงการ The 360 o SMEs Marketing for Export อย่างเป็นทางการ และยังได้เชิญนักธุรกิจผู้ประกอบการ SMEs ที่ประสบความสำเร็จ มาร่วมเสวนาในหัวข้อ “นักธุรกิจคิดการใหญ่ : Think Big” เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ในการทำธุรกิจเพื่อการส่งออกให้แก่ผู้ประกอบการที่สนใจได้ข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์เพื่อนำไปพัฒนาธุรกิจของตนเองให้มีคุณภาพมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ทั้งนี้กรมส่งเสริมการส่งออก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดกิจกรรม “The 360 o SMEs Marketing for Export” ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาขีดความสามารถผู้ประกอบการ SMEs เพื่อการส่งออกปี 2554 ในครั้งนี้ จะทำให้ผู้ประกอบการ SMEs เพิ่มขีดความสามารถทางการตลาดและการค้าระหว่างประเทศ เสริมสร้างและพัฒนารูปแบบสินค้าและบริการที่มีเอกลักษณ์สอดคล้องกับความต้องการของตลาดต่างประเทศ อันนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศชาติให้มั่นคงและยั่งยืนต่อไป