กรุงเทพฯ--13 ก.ค.--พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น
พีดีเฮ้าส์ เผย หลังประเทศไทยประสบภัยธรรมชาติ ส่งผลกระแสการตื่นตัวของคนไทย หันมาใส่ใจการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่เว้นการสร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัยหลังใหม่ กับกระแสตอบรับบ้านอนุรักษ์พลังงานมาแรงเกินคาด ในส่วนของ พีดีเฮ้าส์ ผู้นำบริษัทรับสร้างบ้านอนุรักษ์พลังงาน การันตีด้วยรางวัล “ฉลากบ้านอนุรักษ์พลังงาน” จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานปี 2552 และ 2554 จำนวนกว่า 20 รางวัล เชื่อโกยยอดขายไตรมาส 3 ทะลุ 300 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 1,000 ล้านบาท
นายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของและผู้บริหารสิทธิ์ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ปีนี้นับว่าเป็นปีหนึ่งที่หลายๆ ประเทศทั่วโลกประสบปัญหาภัยธรรมชาติอย่างรุนแรง และได้รับความเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิตประชาชน รวมถึงประเทศไทยเองนับตั้งแต่ต้นปี 2554 ก็เผชิญกับอุทกภัยทางธรรมชาติในหลายๆ พื้นที่ของประเทศ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายของชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก เหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลให้เกิดกระแสการตื่นตัวของผู้บริโภคและประชาชน โดยต่างหันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและช่วยกันลดการใช้พลังงานในชีวิตประจำวันมากขึ้น
ไม่เว้นแม้แต่การสร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัยหลังใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าหรือผู้บริโภคที่เลือกใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้าน ในช่วงไตรมาส 1-2 ที่ผ่านมา ต่างให้ความสนใจสอบถามรายละเอียด เกี่ยวกับบ้านอนุรักษ์พลังงานเข้ามายัง ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ ทุกสาขาทั่วประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้อาจเป็นเพราะ พีดีเฮ้าส์ มีความชัดเจนและเน้นทำตลาดบ้านประหยัดพลังงานมาเกือบ 10 ปี โดยการันตีได้จากรางวัล ฉลากบ้านอนุรักษ์พลังงาน จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เมื่อปี 2552 และปี 2554 จำนวนถึง 21 รางวัล ซึ่งถือเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่ามิใช่แค่คำโฆษณาเท่านั้น
แนวโน้มความต้องการสร้างบ้านอนุรักษ์พลังงานหรือกรีนเฮ้าส์ในประเทศไทย คาดว่าจะได้รับความนิยมจากลูกค้าและผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วง 4-5 ปีก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านมีเพียงไม่กี่ราย ที่ชูเรื่องบ้านอนุรักษ์พลังงานเป็นจุดขายที่แตกต่าง จึงทำให้การแข่งขันในตลาดนี้ไม่รุนแรงและยังขยายตัวได้อีกมาก
นายพิศาล กล่าวว่า สำหรับในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ประเมินว่ายอดจองหรือยอดขายบ้านจากศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮาส์ทุกสาขาทั่วประเทศ คาดจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก ทั้งนี้พิจารณา 1.หลังการเลือกตั้งผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อการเมืองและเศรษฐกิจ 2.บริษัทฯ เองมีการขยายสาขาเพิ่มอีก 4-5 สาขา 3.ความนิยมใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านในต่างจังหวัดมีมากขึ้น โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไตรมาส 3 นี้ไว้ประมาณ 300 ล้านบาทจากเป้าทั้งปี 1,000 ล้านบาท ในส่วนของสาขาที่จะเปิดใหม่ครึ่งปีหลัง ได้แก่ สาขาอุบลราชธานี สกลนคร และนครสวรรค์ เป็นต้น