กรุงเทพฯ--19 ก.ค.--ธนาคารกสิกรไทย
ด้วยยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจในเชิงรุกแบบเป็นเครือที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) ทำให้ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2554 จำนวน 7,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 19.69% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 42.29% สำหรับกำไรสุทธิงวดแรก ปี 2554 มีจำนวน 13,432 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 45.23%
นายสมเกียรติ ศิริชาติไชย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของเครือธนาคารกสิกรไทยสำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2554 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 7,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 1,204 ล้านบาท หรือ 19.69% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 2,175 ล้านบาท หรือ 42.29% โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ จำนวน 13,944 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 999 ล้านบาท หรือ 7.72% และเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 2,562 ล้านบาท หรือ 22.51% โดยในไตรมาสนี้มีอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin :NIM) อยู่ที่ระดับ 3.56% ซึ่งเป็นไปตามทิศทางของดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น และเป็นผลมาจากการจัดการโครงสร้างสินทรัพย์และหนี้สินให้สอดคล้องกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ย รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 9,122 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 866 ล้านบาท หรือ 10.49% และเพิ่มขึ้น 1,872 ล้านบาท หรือ 25.82% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่โดดเด่นที่สุด คือ เบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้
สำหรับกำไรสุทธิงวดแรก ปี 2554 จำนวน 13,432 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 4,183 ล้านบาท หรือ 45.23% โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 26,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,615 ล้านบาท หรือ 20.72% รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจำนวน 10,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,836 ล้านบาท หรือ 21.83% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย 17,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,569 ล้านบาท หรือ 25.85% ในขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Efficiency Ratio) อยู่ที่ 45.93% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 50.34%
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2554 เครือธนาคารกสิกรไทยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 1,672,341 ล้านบาท โดยมีสินเชื่อจำนวน 1,167,157 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 84,063 ล้านบาท หรือ 7.76% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของเงินให้สินเชื่อทุกประเภทโดยเฉพาะเงินให้สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ โดยการขยายตัวของสินเชื่อนั้นกระจายทั่วทุกกลุ่มธุรกิจ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเติบโตของธุรกิจลูกค้าบรรษัทและลูกค้าผู้ประกอบการ นอกจากนี้เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL Gross) อยู่ที่ระดับ 2.52% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ระดับ 2.73% แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการด้านสินเชื่อด้อยคุณภาพที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ผลการดำเนินงานของเครือธนาคารกสิกรไทยมีการเติบโตที่สมดุลสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศและของโลก โดยเครือธนาคารกสิกรไทยยังมุ่งมั่นในการพัฒนาบริการเพื่อให้เป็นเครือธนาคารฯ ที่มีการพัฒนานวัตกรรมด้านการเงิน และให้ความสำคัญกับการจัดการด้านความเสี่ยงและการขยายตัวอย่างระมัดระวัง โดยคำนึงถึงคุณภาพสินเชื่อและการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล
ทั้งนี้ งบการเงินในปีนี้ได้จัดประเภทรายการใหม่ตามข้อกำหนดในประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ธนาคารยังได้นำรายการค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยไปแสดงหักจากยอดรวมรายได้จากการดำเนินงาน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งการจัดประเภทรายการดังกล่าวข้างต้นส่งผลให้อัตราส่วนทางการเงินบางรายการมีค่าเปลี่ยนแปลงไป จึงได้ปรับปรุงงบการเงินและอัตราส่วนทางการเงินที่นำมาแสดงเปรียบเทียบให้เป็นไปตามรูปแบบใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกัน