กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--ตลท.
ตลาดหลักทรัพย์เห็นควรให้บริษัทไทย-เยอรมัน โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (TGPRO) พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอน โดยย้ายหลักทรัพย์ของ TGPRO จากกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่แก้ไข การดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด (Non-Performing Group:NPG) และอนุญาตให้ ซื้อขายหลักทรัพย์ของ TGPRO ในหมวดธุรกิจวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร (กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม) ได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2550 เป็นต้นไป
TGPRO ได้ยื่นคำขอให้พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนและเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยแสดงให้เห็นว่าปี 2549 มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในธุรกิจผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์สแตนเลส ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ TGPRO และจากผลสำเร็จในการดำเนินการ ตามแผนฟื้นฟูทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 เท่ากับ 126.67 ล้านบาท โดยผู้สอบบัญชีได้แสดงความเห็นต่องบการเงินตั้งแต่งบการเงินประจำปี 2547 เป็นต้นมา ตลอดจนได้แสดงว่ามีฐานะการเงินและมีผลการดำเนินงานมั่นคงตามสภาพธุรกิจ ทั้งนี้ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้ยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2549
นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารงานของ TGPRO (Strategic Shareholders) ได้แก่ ผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุม กรรมการ และผู้บริหารของ TGPRO รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องและ บุคคลที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มบุคคลดังกล่าว รวมทั้งผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 5 ของทุนชำระแล้ว และผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งถือหุ้นสามัญ 228,608,195 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 70.43 ของทุนชำระแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลีลาประชากุล รวมทั้งผู้บริหารของ TGPRO ที่ได้รับจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ (ESOP warrant) จำนวน 9 ราย รวม 6,633,333 หน่วย หรือคิดเป็นร้อยละ 38.83 ของใบสำคัญแสดงสิทธิที่ออก ให้คำรับรองต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าจะไม่นำหลักทรัพย์ทั้งหมดของ ตนออกขายภายใน 1 ปี (Silent Period) นับแต่วันที่หลักทรัพย์ของ TGPRO กลับมาทำการ ซื้อขายในหมวดธุรกิจวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร (กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม) โดยในช่วง 6 เดือนแรกผู้ถือหุ้นดังกล่าว ได้รับการผ่อนผันให้ทยอยขายหลักทรัพย์ได้ร้อยละ 25 ของ จำนวนหลักทรัพย์ที่ถูกห้ามขายทั้งหมดและใน 6 เดือนถัดไป สามารถทยอยขายหลักทรัพย์ได้อีกร้อยละ 25 ของจำนวนหลักทรัพย์ที่ถูกห้ามขายทั้งหมด
เพื่อให้การซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นไปตามสภาพความจริงตลาดหลักทรัพย์จึงกำหนดให้ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ของ TGPRO บนกระดานหลักในวันที่ 3 พฤษภาคม 2550ไม่มีกำหนดราคาสูงสุดและต่ำสุด