บลจ. แอสเซท พลัส Rollover กองทุนตราสารหนี้ในประเทศ 4 กองทุน วันที่ 20, 21, 25 และ 26 ก.ค. นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 19, 2011 15:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ก.ค.--บลจ. แอสเซท พลัส บลจ.แอสเซท พลัส จะ Rollover 4 กองทุนตราสารหนี้ไทยความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทน 2.95-3.25% เปิดเสนอขายวันที่ 20, 21, 25 และ 26 ก.ค. นี้ นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด กล่าวว่า หลังจากที่การเลือกตั้งทั่วไปผ่านพ้นไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจัยทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย โดยมีความชัดเจนของพรรคการเมืองแกนนำ และนโยบายบายของพรรคที่เน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งน่าจะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อของไทยที่จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ตอบรับแนวนโยบายดังกล่าว และคำนึงถึงความกังวลทางด้านเงินเฟ้อ โดยล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% สู่ระดับ 3.25% และส่งสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างชัดเจน โดยบริษัทฯ คาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสปรับขึ้นถึงระดับ 4% ภายในปีนี้ จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น บริษัทฯ จึงยังคงแนะนำให้ผู้ลงทุน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นๆ ประมาณ 3-6 เดือน เพื่อไม่ให้เสียโอกาสผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไป ทั้งนี้ สำหรับเดือน กรกฎาคม นี้ บริษัทฯ มีกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภทเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา (Rollover) มาเสนอขายทั้งหมด 4 กองทุน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนโดยในวันที่ 20 กรกฎาคม บริษัทฯ จะ rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้ 9 (ASP-ACFIXED9) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศที่เปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้กองทุนจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย ในสัดส่วนประมาณ 65% และส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วแลกเงินของธนาคารแลนด? แอนด?เฮาส? (LHB) และธนาคารทิสโก? (TISCO) อายุประมาณ 3 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.00% ต่อปี* นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการปรับนโยบายเน้นลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศมากขึ้น โดยได้มีการแก้ไขโครงการกองทุนเปิดแอ็คทีฟเอฟไอเอฟ 6 (ACFIF6) ซึ่งจะครบรอบ Rollover ใหม่ในวันที่ 21 กรกฎาคม นี้ จากกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ เป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ เพื่อให้กองทุนสามารถดำรงสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศได้อย่างเหมาะสมกับภาวะการลงทุน และเปลี่ยนชื่อเป็น กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 5 (ASP-TFIXED5) ซึ่งจะมีผลตั้งแต่รอบลงทุนถัดไปตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม นี้ โดยกองทุน ACFIF6 จะลงทุนในลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ในสัดส่วนประมาณ 80% และตั๋วแลกเงินธนาคารเกียรตินาคิน (KK) ในสัดส่วนประมาณ 20% โดยกองทุนมีรอบระยะเวลาประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.25% ต่อปี* ทั้งนี้ สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทที่มีอัตราการเจริญเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีขึ้นกว่าเงินฝาก ในวันที่ 25 กรกฎาคม บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิด แอสเซทพลัสทวีเงินออม 1 (ASP-MMF1) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ ที่เปิดเสนอขายทุกรอบ 3 เดือน โดยรอบการลงทุนนี้ จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้เอกชนคุณภาพ เช่น ตั๋วแลกเงิน ของ บมจ. อยุธยา แคปป?ตอล ออโต?ลีส (AYCAL) บมจ.เอเชี่ยน พร็อพเพอร?ตี้ (AP) บมจ. บัตรกรุงไทย (KTC) และบจ. เอเซียเสริมกิจ ลีสซิ่ง (ASK) โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.10% ต่อปี* และสำหรับผู้ลงทุนที่ชื่นชอบกองทุนความเสี่ยงต่ำ และคุ้มครองเงินต้น ในระยะเวลาสั้นๆ ในวันที่ 26 กรกฎาคม บริษัทฯ จะ rollover กองทุนเปิดพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1 (GBF-3M1) ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 100% อายุ 3 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 2.95% ต่อปี* “ทั้งนี้ กองทุน Rollover ทั้ง 4 กองทุนมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ สามารถสร้างโอกาสผลตอบแทนในระดับที่ดี และมีรอบการลงทุนประมาณ 3-6 เดือน ซึ่งเป็นระยะเวลาการลงทุนที่เหมาะสม ตามช่วงการปรับตัวของดอกเบี้ยขาขึ้น” นางสาวจารุลักษณ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ