กรุงเทพฯ--20 ก.ค.--พม.
วันนี้ (๒๐ ก.ค.๕๔) เวลา ๐๙.๐๐ น.ที่โรงแรมวินเซอร์ สวีทส์ กรุงเทพฯ นางศิริรัตน์ อายุวัฒน์ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานเปิดการสัมมนา“การจัดทำข้อมูล จำแนกเพศ ภายในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์”เพื่อสร้างความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดทำข้อมูลจำแนกเพศ รวมทั้งวิเคราะห์บทบาทความสัมพันธ์หญิงชาย เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการดำเนินงานและประเมินผลความสำเร็จของหน่วยงาน โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในกระทรวงฯ จำนวน ๒๐๐ คน
นางศิริรัตน์ อายุวัฒน์ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ในปัจจุบัน ข้อมูลจำแนกเพศเป็นข้อมูลสำคัญทั้งในระดับชาติและระดับสากล เนื่องจากเป็นข้อมูลที่สามารถแสดงถึงสถานการณ์ของการพัฒนาประเทศ ที่ชี้ให้เห็นช่องว่างระหว่างเพศของหญิงและชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่องค์การสหประชาชาติ ได้จัดทำดัชนีวัดความก้าวหน้าของการพัฒนาคน (HDI) ดัชนีการพัฒนามิติหญิงชาย (GDI) และดัชนีวัดความเข้มแข็งของสตรี (GEM) เพื่อประเมินสถานการณ์และจัดลำดับผลการพัฒนาประเทศ จึงจำเป็นจะต้องใช้ข้อมูลจำแนกเพศเป็นเครื่องมือในการวัด กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ในฐานะเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างหญิงชายและการบูรณาการการพัฒนาสังคมและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย จึงควรเป็นกระทรวงต้นแบบในการจัดทำข้อมูลจำแนกเพศ และวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ นำไปประกอบการจัดทำแผนงาน โครงการ หรือกำหนดนโยบายเพื่อการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตของกลุ่มเป้าหมายต่างๆ โดยผลักดันให้เกิดการ บูรณาการข้อมูลในกระทรวงฯ เกิดการแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลซึ่งกันและกัน และส่งเสริมให้มีการใช้ข้อมูลสถิติจำแนกเพศ ซึ่งจะทำให้หน่วยงานต่างๆ มีการวางแผนการดำเนินงานที่คำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ลดความซ้ำซ้อนของการจัดเก็บข้อมูล สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์และจัดทำเป็นรายงานสถานการณ์ทางสังคมที่มีมิติ ที่กว้างและมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ กระทรวงฯ โดยสำนักกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ยังได้ผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐต่างๆ จำนวน ๑๓๑ หน่วยงาน มีการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจำแนกเพศ โดยกำหนดให้อยู่ในแผนแม่บทของหน่วยงานด้วย
“การสัมมนาในครั้งนี้ จะทำให้ได้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดทำและวิเคราะห์ข้อมูลจำแนกเพศ ซึ่งข้อมูลสถิติที่แต่ละหน่วยงานนำมาแลกเปลี่ยน จะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานและการให้บริการประชาชนต่อไป” นางศิริรัตน์ กล่าว