กรุงเทพฯ--21 ก.ค.--คิธ แอนด์ คินฯ
ปั่นไป ปลูกไป กิจกรรมท่องเที่ยวหัวใจสีเขียว ที่ได้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานนครนายก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภาคตะวันออก และ ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมกันจัดขึ้น โดยชักชวนนักปั่นจักรยานทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่กว่า 150 คัน และผู้ร่วมกิจกรรมหัวใจสีเขียวทั่วไทยอีกกว่า 80 คน มุ่งหน้าจากหัวลำโพงสู่อุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อร่วมกันฟื้นป่าต้นลานให้เป็นมรดกของลูกหลานรุ่นต่อไป
เช้าวันแรกอากาศปลอดโปร่ง นักปั่นทั้งหลายพาจักรยานคู่ใจเดินทาง มาพร้อมกันที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดปราจีนบุรี หลังเสียงเพลงเคารพธงชาติจบลง ขบวนรถไฟดีเซลขบวนที่ 281 ก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากสถานีหัวลำโพง ทิวทัศน์สองข้างทางเริ่มเปลี่ยนจากความแออัดของรถราบนท้องถนน สู่ท้องทุ่งนาเขียวขจี เวลาผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง ในที่สุดทุกคนก็เดินทางมาถึงสถานีรถไฟจังหวัดปราจีนบุรี อันเป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรมปั่นไป ปลูกไปในครั้งนี้
นักปั่นทุกคนก็ทยอยกันนำจักรยานคู่ใจของตนลงจากขบวนรถไฟ และรถบรรทุกจักรยาน เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการตั้งขบวนคาราวานออกเดินทาง ส่วนใครที่ไม่ได้ปั่นจักรยาน ก็จะขึ้นรถสองแถวท้องถิ่นร่วมในขบวน แม้แดดจะร้อน แต่ทุกคนยิ้มแย้มมีความสุขที่จะร่วมทำกิจกรรมดีๆกัน ทั้งนี้ได้รับเกียรติและกำลังใจจาก นายศิลาชัย สุหร่าย ผู้อำนวยการททท.ภูมิภาคภาคตะวันออก และ นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ มาร่วมกันทำพิธีปล่อยขบวนจักรยาน เพื่อเป็นสัญญาณการเริ่มโครงการคืนต้นลานสู่ป่าอย่างเป็นทางการ
นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กิจกรรมปั่นไป ปลูกไปในวันนี้ เป็นหนึ่งในโครงการ เที่ยวหัวใจใหม่ เที่ยวไทย ดั๊บเบิ้ลความสุข ที่จะจัดต่อเนื่องกับ โครงการเที่ยวหัวใจใหม่ เมืองไทยยั่งยืน ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อสนับสนุนและกระตุ้นให้ทุกคนหันมาใส่ใจกับการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน และท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ และร่วมกันทำกิจกรรมดี ๆ เพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งดั๊บเบิ้ล เอ ให้ความสำคัญและใส่ใจกับเรื่องโลกร้อนมาอย่างต่อเนื่อง ดั๊บเบิ้ล เอ มีการเลือกใช้วัตถุดิบจากต้นกระดาษบนคันนา ไม่ใช้ไม้จากป่าธรรมชาติ และมีคอนเซ็ปต์ทำของเสีย ไม่ให้เสียของ โดยนำของเหลือจากกระบวนการผลิตเยื่อและกระดาษทั้งเปลือกไม้ เศษไม้ น้ำมันยางดำ ไปเป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้า ทำให้ดั๊บเบิ้ล เอ เป็นทั้งกระดาษแก้โลกร้อน กระดาษสร้างพลังงาน และกระดาษสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกร สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนเช่นเดียวกับหัวใจใหม่ของโครงการในวันนี้
เป้าหมายแรกของการปั่นในกิจกรรมนี้ คือ ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร สถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สวยงาม สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 2452 โดยท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพื่อใช้รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งตอนนี้ใคร ๆ ก็รู้จักกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดีจากละครเรื่องดัง “วนิดา” นอกจากความสวยงามของอาคารแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งความรู้เรื่องแพทย์แผนไทย สมุนไพร และการแพทย์ทางเลือก มีเครื่องมือในการปรุงยาสมัยอดีต มียาสมุนไพร และเครื่องสำอางค์จากสมุนไพรไทยให้เลือกซื้อเลือกช้อปกันมากมาย
พักกันจนหายเหนื่อยแล้ว นักปั่นทุกคนก็มุ่งหน้าต่อไปสู่พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ ที่รวบรวมตะเกียงโบราณนับหมื่น หาชมได้ยาก และนอกจากตะเกียงโบราณแล้ว ที่นี่ยังมีของสะสมสมัยอดีตอีกมากมาย ทั้งตู้เย็นที่ใช้น้ำมันก๊าด ถ้วยชามของใช้โบราณ ร้านกาแฟโบราณ ร้านตัดผมโบราณ รวมไปถึงของสะสมชิ้นเล็ก ๆ อย่างเหรียญในสมัยต่าง ๆ แสตมป์ พระเครื่อง ล็อตเตอรี่ จนกระทั่งของสะสมชิ้นใหญ่ๆ เช่น รถจักรยานมอเตอร์ไซด์ ปั๊มน้ำมัน เรือไม้ที่ขุดจากไม้ทั้งท่อน เรียกว่า ดูกันได้อย่างจุใจตลอด 1 ชั่วโมงหลังจากที่คณะได้พักทานอาหารกลางวันกันเรียบร้อยแล้ว สำหรับอัตราค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์คนละ 80 บาท แต่สำหรับทริปนี้ได้ส่วนลดเหลือแค่ 40 บาท และอนุญาตให้ถ่ายรูปในพิพิธภัณฑ์ได้เป็นกรณีพิเศษ ทุกคนจัดหนักถ่ายรูปกันแบบไม่ยั้งเลยทีเดียว
จุดสุดท้ายมุ่งหน้าสู่ที่พัก ซึ่งมี 2 แห่งคือผึ้งหลวงแคมป์กราว และวังตะพาบรีสอร์ท เป็นอันการจบภารกิจในวันแรก รวมระยะทางที่ปั่นจักรยานไปแล้วกว่า 50 กิโลเมตร
เข้าสู่เช้าวันที่ 2 ที่ทุกคนเตรียมแรงเต็มที่ ออกจากที่พักเพื่อมุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติทับลาน ร่วมกิจกรรมคืนต้นลานสู่ป่า ใช้เวลาปั่นประมาณสองชั่วโมง ก็ถึงจุดหมาย สำหรับอุทยานแห่งชาติทับลาน เป็นผืนป่ามรดกโลกเขาใหญ่-ดงพญาเย็น มีพื้นที่ 1.4 ล้านไร่ และเป็นป่าลานที่ขึ้นเองตามธรรมชาติที่สมบูรณ์แห่งสุดท้ายของประเทศไทย
หลังจากที่ทุกคนมาถึงอุทยานอย่างปลอดภัย ต่างพากันนั่งพักเหนื่อย ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณลุงศุภชัย เที่ยงกมล วัย 67 ปี และครอบครัวศรศรี ที่ร่วมในคาราวานจักรยาน ได้เล่าถึงความรู้สึกของการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า “กิจกรรมนี้ถือว่าดีมาก เพราะเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญ ควรอนุรักษ์และรักษาไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานของเรา สำหรับการปั่นจักรยาน นับเป็นวิธีช่วยลดโลกร้อน หากเราหันมาขี่จักรยานแทนการใช้รถยนต์ไปทำงาน หากระยะทางไม่ไกลนักหรือหันมาใช้บริการรถสาธารณะก็ได้ เพราะปัจจุบันนี้คนขับรถส่วนตัวไปทำงานคนเดียวมีมากถึง 50% ทีเดียว” คุณลุงศุภชัย กล่าว
มาถึงครอบครัวศรศรี ครอบครัวนักปั่นทั้งคุณพ่อ คุณแม่และลูกชายอีก 2 คน โดย “น้องฌัลล์” ชยากรหรือ “น้องมาย” อายุ 13 ปี ได้กล่าวว่า “เริ่มจากคุณพ่อชักชวนมาปั่นจักรยาน ก็ขี่มา 4-5 ปีแล้ว โดยเริ่มจากปั่นระยะทางใกล้ๆก่อน จนทุกวันนี้ก็จะปั่นจักรยานไปเรียนพิเศษ และก็ไปทำกิจกรรมตามที่ต่างๆในรูปแบบคาราวานจักรยานร่วมกับครอบครัว สนุกดีครับ” และคุณพ่อวรากรณ์ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “การปั่นจักรยาน นอกจากจะช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ให้อากาศบริสุทธิ์แล้ว สิ่งสำคัญที่ได้อีกอย่างนั่นคือ สุขภาพที่ดี เพราะเป็นการออกกำลังกายและยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ไม่ต้องอยู่กับการเล่นเกมส์ทั้งวัน มาขี่จักรยานกันดีกว่า แถมสนุกอีกด้วย”
หลังจากนั่งพักมาระยะหนึ่ง เจ้าหน้าที่อุทยานก็นำคณะมุ่งหน้าสู่บริเวณพื้นที่ป่า ระยะทางประมาณ 1-2 กิโลเมตร บ้างก็เดินเท้า บ้างก็ขี่จักรยานหรือนั่งรถสองแถวท้องถิ่นเข้าไป เพื่อช่วยกันยิงลูกลานด้วยหนังสติ๊กกว่า 2,000 ลูกให้เข้าไปตกอยู่กลางป่า ลูกลานเหล่านี้ เป็นลูกลานที่ร่อนเอาเปลือกออกแล้วเหลือแต่เมล็ด เพื่อให้มันพร้อมที่จะงอกหลังจากได้รับฝน นอกจากนี้ยังมีอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ช่วยกันนำต้นกล้าลานกว่า 200 ต้น ลงปลูกในพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้ทุกคนได้สนุกสนานและอิ่มใจไปกับการปลูกต้นลานกันอย่างถ้วนหน้า
ต้นลานเป็นไม้ตระกูลปาล์ม ลำต้นสูงประมาณ 10 - 26 เมตร ก้านใบยาวประมาณ 3 - 4 เมตร หนึ่งก้านมีหนึ่งใบ กว้างประมาณ 2 - 3 เมตร เพราะขนาดใบที่ใหญ่นี่เอง จึงมีคำสอนในอดีตว่า "ใครที่ชอบตีพ่อแม่ ตายไปมือจะใหญ่เท่าใบลาน" ต้นลานจะมีอายุขัยแค่ 60 - 80 ปี เมื่อต้นลานออกดอกมันก็จะตายไป เหลือแต่เมล็ดที่จะเติบโตต่อไป
โปรแกรมสุดท้ายของทริปนี้คือ โรงงานดั๊บเบิ้ล เอ ในเขตอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค ที่จัดพิเศษให้กับลูกค้าดั๊บเบิ้ล เอ ที่มาร่วมทริปด้วยการเปิดบ้านชมหนัง 4 มิติ เล่าเรื่องราวของกระดาษที่มีส่วนช่วยลดโลกร้อน สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้เข้าเยี่ยมชมเป็นอย่างมาก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและดั๊บเบิ้ล เอ หวังว่า การท่องเที่ยวหัวใจใหม่ ด้วยจิตสำนึกรับผิดชอบ จะทำให้แหล่งท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อมของเราคงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไปจนชั่วลูกชั่วหลาน... เที่ยวครั้งต่อไปอย่าลืมพกหัวใจสีเขียวไปกับตัวด้วยทุกครั้ง เพื่อโลกของเรา
?
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 663 3226 ต่อ 64 คุณมารยาท จำปาทุม