กรุงเทพฯ--21 ก.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) ของ บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF ที่ ‘BBB(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-term Rating) ที่ ‘F3(tha)’ รวมถึงคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของ SF ที่ ‘BBB(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของ SF ในฐานะผู้นำในธุรกิจพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าขนาดกลางภายใต้แนวความคิดศูนย์การค้าชุมชน นอกจากนี้ SF ยังมีข้อได้เปรียบจากคุณภาพของโครงการศูนย์การค้าภายใต้การบริหารที่อยู่ในระดับสูงด้วยอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย (Average Occupancy Rate) ที่สูงกว่าร้อยละ 90 ของพื้นที่ให้เช่าทั้งหมดตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการศูนย์แรกในปี 2538
อันดับเครดิตยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ค่าเช่าและค่าบริการที่แข็งแกร่งของ SF ซึ่งยังคงมีการเติบโตแม้ในปีที่ไม่มีการเพิ่มพื้นที่ให้เช่า โดยประมาณร้อยละ 30 ของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการเป็นกระแสเงินสดรับที่มีความแน่นอนจากสัญญาเช่าระยะยาวซึ่งครอบคลุมพื้นที่ให้เช่าประมาณร้อยละ 60 ของพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด นอกจากนี้ SF ยังสามารถรักษาอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยให้อยู่ในระดับสูงและสามารถขึ้นอัตราค่าเช่าสำหรับสัญญาเช่าระยะสั้นได้อีกด้วย
แม้ว่า SF จะไม่มีรายได้จากศูนย์ Major Avenue Ratchayothin (ซึ่งได้ขายไปเมื่อสิ้นปี 2553) ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 10.7 ของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการในปี 2553 แต่รายได้ค่าเช่าและค่าบริการของ SF ในไตรมาสแรกของปี 2554 ลดลงเพียงเล็กน้อยประมาณร้อยละ 1.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามเนื่องจาก SF มีรายได้จากสัญญาเช่าการเงินจากการต่ออายุสัญญาเช่าระยะยาวของผู้เช่าหลักในโครงการหนึ่ง รายได้รวมของ SF ในไตรมาสแรกของปี 2554 จึงเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 388.6 ล้านบาท ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (EBITDAR) ในไตรมาสแรกของปี 2554 เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 175.3 ล้านบาท ฟิทช์คาดว่า กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า ในปี 2554 จะสามารถคงที่อยู่ในระดับเดียวกับในปี 2553 ได้ เนื่องจากรายได้จากสัญญาเช่าการเงินดังกล่าวข้างต้น รายได้ค่าเช่าและค่าบริการจากโครงการใหม่ รวมถึงค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นของโครงการเดิมที่มีอยู่ น่าจะเพียงพอที่จะชดเชยรายได้จากศูนย์ Major Avenue Ratchayothin ที่หายไป
อันดับเครดิตของ SF ถูกลดทอนลงด้วยอัตราส่วนหนี้สินที่สูง โดยอัตราส่วนหนี้สินของ SF ซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (Adjusted Net Debt to EBITDAR) อยู่ที่ 6.2 เท่า ณ สิ้นปี 2553 เนื่องจากการลงทุนที่สูงในโครงการ Mega Bangna ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของ SF น่าจะทยอยลดลง จากแผนการลงทุนที่อยู่ในระดับที่ต่ำลงในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยน่าจะลดลงมาอยู่ในช่วง 4.0 เท่า ถึง 4.5 เท่าในปี 2557
แม้ว่าสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยจะมีเสถียรภาพมากขึ้นหลังจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 แต่ยังมีประเด็นข้อขัดแย้งทางการเมืองอีกหลายประเด็นที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข อย่างไรก็ตาม หากมีปัญหาความไม่สงบทางการเมืองเกิดขึ้นและยืดเยื้อ อาจส่งผลให้มีการชะลอการเปิดตัวของโครงการใหม่ๆ รวมถึงอาจมีผลกระทบต่อความสามารถของ SF ในการขึ้นอัตราค่าเช่า ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องมายังสภาพคล่องและอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทได้
ปัจจัยลบที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตได้แก่ อัตราส่วนหนี้สิน ซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า ที่สูงกว่าที่คาดไว้โดยอยู่ในระดับที่สูงกว่า 6.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง ความล่าช้าของการเปิดโครงการใหม่ๆ และรายได้ค่าเช่าและค่าบริการที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ ในขณะที่รายได้ค่าเช่าและค่าบริการที่แข็งแกร่งขึ้น และการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของอัตราส่วนหนี้สินมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 4.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลในทางบวกต่ออันดับเครดิต