กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--อย.
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดตัวผู้ชนะการประกวดเรียงความ เรื่องเล่า “ฝาก อย.เตือนภัย” ในโครงการรณรงค์อย่าหลงเชื่อง่าย เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ของตนเองหรือบุคคลใกล้ตัวที่ถูกหลอกลวงจากโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่โฆษณาเกินจริงและอันตรายที่ได้รับ ตลอดจนข้อคิดที่ต้องการให้ อย.เผยแพร่บอกต่อ
โดยรางวัลชนะเลิศจากกลุ่มประชาชนทั่วไป ได้แก่ ผลงานของ นางกาญจนา ธนฤกษ์มงคล
“ใครเล่าไม่อยากสวยช่วยบอกหน่อย ทั้งชีวิตเฝ้าคอยอยากให้สวย
สารพัดครีมทาเกือบพาซวย เกือบมอดม้วยเสียท่าเพราะหน้าพัง”
ดิฉันคงเป็นเหมือนผู้หญิงทุกคนที่รักสวยรักงาม พยายามเสาะแสวงหาสารพัดเครื่องประทินผิวที่จะทำให้เรา สวย ใส ใบหน้าอ่อนวัยเหมือนเด็กสาว อาจเป็นเพราะด้วยหน้าที่การงานคือการเป็นครู ที่ทำให้เราต้องพบปะกับผู้คน มากมาย อีกทั้งยังมีลูกศิษย์หลายต่อหลายรุ่น จึงทำให้ต้องพยายามดูแลตัวเองให้ดูดี ถึงแม้ว่าจะมีลูก ๒ คน แล้วก็ตาม...
เมื่อคลอดลูกคนที่ 2 ใบหน้าก็เริ่มตกกระ เข้าฝ้า แม้จะพยายามดูแลตนเองเป็นอย่างดีด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพของกระทรวงสาธารณสุขอย่าง จีพีโอ เคอร์มิน ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าดีมาก เพราะเป็นคนที่ผิวแพ้ง่ายมาก ๆ ผิวหนังสัมผัสอะไรนิดก็แพ้ ต้องยอมรับว่าถูกใจกับผลิตภัณฑ์นี้มาก แต่ในบางครั้งก็หาซื้อได้ยาก เพราะดิฉันเป็นครูสอนอยู่ต่างจังหวัด ต้องอาศัยให้น้องสาวซึ่งทำงานอยู่กระทรวงสาธารณสุขส่งมาให้ ซึ่งเขาก็ดูแลดี แต่ใช้ไม่ประติดประต่อ เลยอยากเปลี่ยนมาลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่สั่งปุ๊ปได้ปั๊บ และที่ใครต่อใครก็บอกว่าใช้ดี มีคุณภาพ ยิ่งประเภทถ้าใช้แล้วไม่ดี บริษัทยินดีคืนเงินให้ทันทียิ่งดีใหญ่ อยู่มาวันหนึ่งมีตัวแทนจำหน่ายเครื่องสำอางเดินทางมาเสนอขายสินค้าถึงบ้าน แนะนำสินค้าและทดลองนวดหน้าจากผลิตภัณฑ์ชั้นนำจากตัวแทนจำหน่ายที่ใครๆ ก็ใช้ โดยเฉพาะกับตัวแทนจำหน่ายที่มีหน้าตาสวยใส
ยังจำได้ว่าก่อนหน้านั้น 1 วัน ได้ถ่ายรูปใบหน้าก่อนทดลองใช้เครื่องสำอาง อยากให้ทุกคนได้เห็นว่าใช้แล้วหน้าสวยใสจริงๆ วันที่ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า “เพียวไวท์” นั้น เป็นช่วงเย็นวันศุกร์ มีความรู้สึกว่าใช้แล้วก็รู้สึกดี และทำให้รู้สึกมั่นใจมากๆ ที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ของ A y ชุดนี้ เพราะแม้จะราคาแพงแต่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ แล้วทุกคนก็ตอบรับว่าดี ก็เลยสั่ง 1 ชุด เมื่อได้ผลิตภัณฑ์ในวันจันทร์ ดิฉันก็เริ่มใช้ ใช้เสร็จแล้วเข้านอน อยู่เฉพาะห้องแอร์ ตามปรกติถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ แทบไม่เจอแดด แต่วันแรกที่ใช้ต้องยืนเข้าแถวเคารพธงชาติกับนักเรียนตั้งแต่ 2 โมงเช้า ถึง 2 โมง 45 นาที เป็นอันว่าเดินไปนั่นมานี่เจอแดดและเหงื่อทั้งวัน ตกเย็นมาใบหน้ามีความรู้สึกว่าร้อนผ่าวมาก แต่ก็พยายามบอกตัวเองว่าอาจเพราะเราไม่ค่อยเจอแดดแรง (เพราะเพิ่งจะลาคลอดครบ 3 เดือน) พอ 2 ทุ่มก่อนนอน เริ่มมีความรู้สึกว่าปวดแสบปวดร้อน แต่ก็อดทนเพราะอยากสวยแล้วห้องแอร์เย็นๆ มันก็ช่วยบรรเทาได้บ้าง ทั้งเหนื่อย ทั้งง่วงหลับไปเลยค่ะ
พอรุ่งเช้าเชื่อไหมคะ ว่ารู้สึกตกใจมาก เพราะใบหน้าเป็นผื่นแดง หนา และแสบมาก ๆๆๆ แต่ก็ยังมาโรงเรียนค่ะ รู้สึกร้อนผ่าวๆ ทั้งวัน จนเดินผ่านประธานนักเรียนแล้วเขาถามดิฉันว่า “หน้าอาจารย์ไปโดนอะไรมาครับ มันดูบวมๆ เบี้ยวๆ ชอบกล” รู้สึกตกใจมากรีบกลับไปบ้านเลยค่ะ ไม่กล้าสอน อายนักเรียน เห็นกระจกแล้วตกใจสุดชีวิต เหมือนตอนพุ่มพวงเป็นภูมิแพ้ตัวเองยังไงยังงั้น ถามตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหน้าฉัน มันทั้งบวม ทั้งแดง ทั้งเบี้ยว ทั้งปวดแสบปวดร้อน วันนั้นดิฉันโทรศัพท์เรียกให้ตัวแทนผลิตภัณฑ์กลับมาดูดิฉันอีกครั้ง ดูเหมือนทุกคนก็รู้สึกตกใจไม่แตกต่างกัน แล้วใครจะรับผิดชอบหน้าฉันล่ะนี่ คำแรกที่ดิฉันได้ยิน “ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์ ถ้าใช้แล้วอาจารย์แพ้ เดี๋ยวเราจะจัดการเรื่องการคืนเงินที่ซื้อสินค้าให้” และแนะนำให้ดิฉันทานผงเชอร์รี่เข้มข้น พร้อมทั้งบอกดิฉันให้ช้ำใจว่าสินค้าของเขาใช้แล้วไม่มีใครแพ้ แต่ก็มียาแก้นะที่ศูนย์กรุงเทพซึ่งดิฉันจะต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเอง พอได้ยินราคาดิฉันรู้สึกโมโหสุดๆ หน้าก็พัง แถมยังต้องเสียเงินอีกมากโข รู้สึกแย่มาก กลัวค่ะ แม่ได้แต่ปลอบใจ เอาผ้าเย็นมาประคบหวังว่าพรุ่งนี้เช้าหน้าเราก็จะหายเป็นปกติ แต่ รู้ไหมคะ หน้าดิฉันยิ่งบวม ยิ่งเบี้ยว ยิ่งแดง ตาแทบมองไม่เห็น สิ่งแรกที่ทำคือโทรศัพท์บอกน้องที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ว่าจะเดินทางไปพบแพทย์ เพราะหน้าเบี้ยว บวม และแดงมาก
วันนั้นโทรศัพท์ก็มีปัญหารู้แต่ว่าตัวแทนจะเดินทางไปดูแลที่โรงพยาบาลเพื่อขอใบเสร็จและผลิตภัณฑ์เพื่อนำเงินมาคืน ตัวแทนตามไปหาดิฉันถึงโรงพยาบาลแต่เราคลาดกันค่ะ ดิฉันนำผลิตภัณฑ์ทุกอย่างให้แพทย์ดู แพทย์มองหน้า พร้อมส่ายหน้า และพูดว่า “ใครว่าของแพงมันดี มันไม่ได้เหมาะสำหรับคนทุกคนหรอกครับ” แล้วหมอก็สั่งยา ขณะเดินไปเดินมารู้ไหมคะ ว่าดิฉันอายคนมาก ดิฉันถือถุงกระดาษที่ใส่ผลิตภัณฑ์เดินไปเดินมาถามตัวเองว่าจะเอายังไง ฟ้องดีไหม รู้สึกเสียใจมากที่วันนี้ไม่มีใครมารองรับความรู้สึกอันโหดร้ายของเราเลย พอไปรับยาดิฉันก็บอกหมอว่าดิฉันเป็นหญิงกำลังให้นมบุตร เขาให้ดิฉันเดินกลับไปพบหมอคนเดิมอีกครั้งให้เปลี่ยนยาตัวใหม่ให้เพราะอาจมีผลกระทบต่อลูก พอไปถึง คุณหมอบอกว่า “มีคนมาตามหาคุณนะเมื่อกี้” ดิฉันรู้ทันทีว่าตัวแทนจำหน่ายต้องตามหาดิฉัน เพราะถ้าหากดิฉันเป็นอะไรไปเขาอาจขายของไม่ได้แน่ๆ เพราะคนในอำเภอส่วนใหญ่รู้จักดิฉันทั้งนั้น ถ้าหน้าดิฉันพังธุรกิจของเขาคงแย่เช่นกัน
ดิฉันกลับถึงบ้าน ตัวแทนและผู้บริหารสายงานก็มาถึงเช่นเดียวกัน พร้อมกับขอใบเสร็จและพร้อมจะคืนเงินให้ คุณคะ ความรู้สึกนั้นมันช่างเจ็บปวดจริงๆ กับเงินที่ได้คืนมาแบบไม่เต็มจำนวน ใบหน้าที่บวมแดง คุณรู้ไหมคะ ทุกวันนี้ดิฉันต้องดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อก่อนใบหน้าก็ยังพอดูได้ แต่หลังจากนั้นมาดิฉันก็ได้มีโอกาสสัมผัสกับฝ้าอันหนาปึ้ด..ทั้งกระ ขี้แมลงวัน ผุดขึ้นเต็มใบหน้า ยิ่งนานวัน ยิ่งดำเนียน แม้จะไปยิงเลเซอร์มาทั้ง ยิงเย็น ยิงร้อน เข้าคอร์ส ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกครั้งที่ส่องกระจก ไม่เคยมีสักครั้งที่จะลืมเลือนวันอันโหดร้าย แม้ ผ่านไป3 ปี ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงคือ “ฝ้าสวยดำเนียน ดำนาน ดำคงทน” แต่ไม่กล้าโทษใคร โทษตัวเราเอง สินค้า บางตัว ของบางอย่างมันไม่ได้เหมาะกับทุกคน ตั้งสติ ไตร่ตรองก่อนใช้ ของแพงไม่ได้ดีเสมอไป
จากบทเรียนราคาแพงของชีวิตทุกวันนี้ก่อนใช้เครื่องสำอางพยายามถามก่อนว่า มี อย. ไหม ถ้ามี ขอดูก่อนจึงเลือกใช้ ถึงกระนั้นก็ยังไม่มั่นใจว่าอะไรคือสิ่งที่ดี จึงอยากให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยวิจัยและทำผลิตภัณฑ์ที่ดีให้ประชาชนได้ใช้ เพื่อที่จะได้มีความรู้สึกปลอดภัย มั่นใจ และก้าวเดินไปในสังคมได้อย่างมีความสุขค่ะ
“ก่อนจะใช้สิ่งใดไตร่ตรองก่อน อย่าสั่นคลอนเขาหว่านล้อมพร้อมเสนอ
ให้ศึกษาข้อมูลหน่อยนะเออ เดี๋ยวจะเผลอหน้าดำช้ำใจเรา
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จากกลุ่มประชาชนทั่วไป ได้แก่ นางสุนี กิ่งนครทอง
ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพและความงามมากขึ้น การโฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อต่างๆจึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่ผู้ผลิตนำมาใช้ดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค ยิ่งเมื่อผู้บริโภคได้รับการแนะนำหรือการกระตุ้นจากสื่อโฆษณาต่างๆ ก็จะทำให้คล้อยตามและหลงเชื่อไปซื้อสินค้ามาบริโภคและอุปโภคกันได้โดยง่าย แทนที่จะได้ประโยชน์ตามที่สินค้าได้โฆษณาสรรพคุณไว้ แต่กลับเป็นการให้โทษ เกิดอันตรายต่อสุขภาพร่างกาย และเสียทรัพย์สินไปอย่างน่าเสียดาย
ดิฉันเป็นผู้หนึ่งที่ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพ เนื่องจากดิฉันมีอาชีพเป็นพยาบาลทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มีหน้าที่ดูแลสุขภาพของประชาชนในภาวะปกติให้มีสุขภาพดี และในภาวะเจ็บป่วย ให้หาย หรือทุเลาจากการเจ็บป่วย ดิฉันได้พบเห็นผู้ป่วยเป็นโรคหลายชนิดเข้ามาในโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไต และโรคอื่นๆ อีกหลายโรค ซึ่งผู้ป่วยจะทนทุกข์ทรมานจากโรคนั้นๆ ดิฉันจึงให้ความสำคัญในการดูแลรักษาสุขภาพไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย เพื่อเป็นเกราะป้องกันการเกิดโรคต่างๆ
ที่ผ่านมาดิฉันมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี แต่เมื่อต้นปลายปีที่ผ่านมาดิฉันตรวจร่างกายประจำปีพบว่าดิฉันเริ่มมีปัญหาสุขภาพ คือมีระดับโคเลสเตอรอสในเลือดสูง ดิฉันไปพบแพทย์ แพทย์แนะนำให้ควบคุมอาหาร โดยงดอาหารไขมันทุกชนิดและออกกำลังกาย ดิฉันปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และตรวจเลือดซ้ำ เมื่อเดือนมกราคม 2554 พบระดับโคเลสเตอรอลยังไม่ลด ยังอยู่ในเกณฑ์สูงผิดปกติ ดิฉันวิตกกังวลเพราะกลัวโรคต่างๆ จะตามมา ดิฉันได้รับคำแนะนำจากผู้แทนขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสุขภาพชนิดหนึ่ง ดิฉันได้หลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพมาบริโภคชนิด “ผลิตภัณฑ์เสริมสร้างและบำรุงร่างกาย” ชื่อผลิตภัณฑ์คือ “ไบออส ไลฟ์ ทู(Bios Life 2)” ซึ่งเป็นเครื่องดื่มใยอาหารเพื่อสุขภาพ มีการโฆษณาสรรพคุณคือ เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยเพิ่มใยอาหารให้แก่ร่างกายในแต่ละวัน เมื่อบริโภคจะทำให้ร่างกายได้รับใยอาหารครึ่งหนึ่งของปริมาณอาหารที่บริโภคต่อวัน และยังมีสรรรพคุณว่าใยอาหารจะสามารถลดระดับน้ำตาลกลูโคส ช่วยรักษาระดับโคเลสเตอรอล โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะโคเลสเตอรอลสูง และลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังต่างๆ
ดิฉันหลงเชื่อสรรพคุณของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ เพราะโฆษณาสรรพคุณที่จูงใจดิฉันมากโดยเฉพาะสรรพคุณที่ช่วยรักษาผู้ที่มีภาวะโคเลสเตอรอลสูง และเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มี อย.ควบคุม
ดิฉันจึงตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพมารับประทาน ครั้งแรกซื้อมาหนึ่งชุด รับประทานวันละหนึ่งซองผสมน้ำ 1 แก้ว เป็นระยะเวลา 60 วัน หลังรับประทานครบกำหนดได้ไปตรวจเลือดซ้ำพบว่าระดับโคเลสเตอรอล ลดลงเพียงเล็กน้อย ดิฉันเลยได้โทรไปปรึกษากับผู้แทนขายผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพว่าได้ผลที่ไม่น่าพอใจ ผู้แทนขายแนะนำว่าควรจะรับประทานเพิ่มอีกหนึ่งชุด ดิฉันหลงเชื่อซื้อมารับประทานอีกครั้งรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,400 บาท และรับประทานต่อจนครบเป็นเวลาอีกกว่า 60 วัน แล้วจึงตรวจเลือดซ้ำเมื่อเดือนพฤษภาคม 2554 พบว่าระดับโคเลสเตอรอลไม่ลด แต่กลับเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ ซ้ำร้ายผลเลือดเกี่ยวกับการทำงานของตับ (SGOT,SGPT) สูงผิดปกติเป็นอย่างมากจนน่าตกใจทั้งๆ ที่ก่อนรับประทานอาหารเสริมสุขภาพ ดิฉันมีระดับผลเลือดที่เกี่ยวกับการทำงานของตับปกติ ดิฉันวิตกกังวลเป็นอย่างมากกลัวไปสารพัด ดิฉันจึงตัดสินใจไปพบแพทย์นำผลการตรวจเลือดไปให้แพทย์วินิจฉัย และเล่าถึงสาเหตุที่ดิฉันรับประทานอาหารเสริมสุขภาพให้แพทย์ได้ทราบ แพทย์วินิจฉัยว่าน่าจะเกิดจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพและให้ดิฉันตรวจเลือดซ้ำในเวลาต่อมาอีกสองสัปดาห์
เมื่อครบกำหนดดิฉันตรวจเลือดซ้ำพบว่าระดับโคเลสเตอรอลลดลงเกือบอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยเฉพาะระดับการทำงานของตับอยู่ในเกณฑ์ปกติ ดิฉันนำผลการตรวจเลือดไปพบแพทย์อีกครั้ง ครั้งนี้แพทย์วินิจฉัยว่าผลระดับการทำงานของตับผิดปกติ ต้องมีสาเหตุมาจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพอย่างแน่นอน แพทย์บอกว่าดิฉันยังโชคดีที่ได้รับอันตรายจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพที่ไม่รุนแรงมากนัก แต่ถ้าดิฉันยังรับประทานต่อไปอาจเกิดอันตรายต่อตับอย่างรุนแรง และอาจทำให้การทำงานของตับล้มเหลว เป็นอันตรายต่อชีวิตได้
เรื่องราวที่ดิฉันได้เขียนเล่าผ่านเรียงความนี้ เป็นประสบการณ์จริงของดิฉัน ที่ต้องการให้ข้อคิดเตือนใจว่าอย่าได้หลงเชื่อ สื่อหรือสิ่งโฆษณาที่โอ้อวดสรรพคุณของสินค้า ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ความงาม เพราะถ้าหลงเชื่อซื้อมาใช้ อาจทำให้คุณหรือคนรอบข้าง ได้รับโทษภัย เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และเสียเงินซื้อไปอย่างน่าเสียดาย ดิฉันจึง “ฝาก อย. เตือนภัย” ได้บอกเล่าเรื่องราวของดิฉันที่หลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพที่โอ้อวดสรรพคุณเกินความเป็นจริงมาใช้ เป็นผลให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ และเสียเงินไปด้วยจำนวนไม่น้อย โดยวิงวอนให้ผู้บริโภคสินค้าทุกคนโปรดใช้ความคิดและมีวิจารณญานอย่างรอบครอบ แล้วคุณจะไม่ถูกหลอกลวงเช่นดิฉัน และหวังว่าเรื่องราวของดิฉันจะช่วยเตือนใจให้ทุกคนระมัดระวังในการเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคโดยเลือกซื้อให้คุ้มค่า คุ้มราคา จำเป็น และเกิดประโยชน์อย่างมากที่สุด
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จากกลุ่มประชาชนทั่วไป ได้แก่ นายวรพล มะคะที
ความแก่ ความเจ็บ และความตาย เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องประสบและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งเป็นไปตามกฎธรรมชาติหรือที่ในทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า วัฎสงสาร. แต่มนุษย์เราก็มักจะถูกอำนาจของกิเลสคือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง เข้าครอบงำ จึงพยายามแสวงหาวิธีการหรือวัตถุมาบรรเทาความแก่ ความเจ็บ เพื่อชะลอเวลาความตายให้ยาวนานออกไป ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ฝืนธรรมชาติ และสิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้ก็เป็นพฤติกรรมที่ฝืนธรรมชาติอย่างหนึ่งของผู้เขียนเอง กล่าวคืออยากเป็นหนุ่มที่ดูดี ไม่อยากแก่ จึงหลง(โมหะ)เชื่อคำโฆษณาที่ว่า “ใช้แล้วผมดกดำ เป็นเงางาม” ในวงการคนผมบางจะรู้จักคำโฆษณานี้และเรียกสินค้าอันเป็นที่มาของคำโฆษณานี้ว่า “ยาปลูกผม”
ในช่วงปี 2550 ผู้เขียนได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร และได้รู้จักกับพระมหารูปหนึ่งซึ่งท่านบวชมาหลายพรรษาแล้ว ผู้เขียนและท่านมหามีลักษณะที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ มีเส้นผมบางตรงศีรษะด้านหน้าและมีกำหนดการลาสิกขาหลังออกพรรษาเช่นกัน ก็เลยปรึกษากันว่า มียาอะไรบ้างที่ช่วยให้เส้นผมเกิดหนาขึ้น เผื่อว่าลาสิกขาไปแล้วจะได้มีเส้นผมดกดำปกปิดจุดด้อยบนศีรษะด้านหน้าได้ จึงค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต พบว่ามียาปลูกผมหลากหลายยี่ห้อพร้อมคำโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณสารพัด ในที่สุดก็ตัดสินใจโทรศัพท์สั่งซื้อยาปลูกผมยี่ห้อหนึ่ง โดยพิจารณาจากคำโฆษณาอันน่าเชื่อถือที่บอกว่า “ใช้แล้วผมดกดำเป็นเงางาม ฟื้นฟูรากผมให้แข็งแรง มีสมดุล ไม่ขาดหลุดร่วง ผสมสมุนไพรธรรมชาติด้วยภูมิปัญญาไทยที่ได้มาตรฐานสากล ใช้ง่าย ได้ผลเร็ว ไม่มีผลข้างเคียง และบริการส่งให้ถึงบ้านเฉพาะลูกค้าในกรุงเทพฯ”.
เมื่อเวลาผ่านไปได้ 2 วันนับจากวันที่สั่งซื้อยาปลูกผม ก็มีผู้ชายวัยกลางคนที่มีผมดกดำ มีเคราและมีขนตามแขนมากพอสมควร ลักษณะเหมือนคนอินเดีย นำสินค้ามาให้ถึงวัด และอธิบายวิธีการใช้อย่างละเอียด มีเหตุผลน่าเชื่อถือ จนทำให้ผู้เขียนและท่านมหาไม่มีความสงสัย ตอนนั้นได้แต่ยิ้มในใจและคิดว่าหลังจากลาสิกขาออกไปเป็นฆราวาส คงจะมีเส้นผมดกดำเป็นเงางามและบอกลาผมบางซึ่งเป็นจุดด้อยบนศรีษะได้เลย นับเวลาเหลืออีก 10 กว่าวันก็จะถึงวันลาสิกขาแล้ว จึงเริ่มใช้ยาดังกล่าวตามคำแนะนำของผู้ขายทันที วันแรกรู้สึกปวดแสบปวดร้อนบริเวณที่ทายานิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าตัวยาคงทำปฏิกิริยากับเซลล์ของรากผม แต่พอทายาไปได้ 3-4 วัน ปรากฎว่ามีตุ่มสีแดงเม็ดเล็กๆเกิดขึ้นบริเวณที่ทายาและรู้สึกคันเป็นระยะๆ ถึงแม้จะมีอาการเช่นนี้เกิดขึ้นกับตัวเองก็ยังแอบลุ้นอยู่ในใจว่ากำลังจะมีเส้นผมใหม่เกิดขึ้น จนต้องส่องกระจกดูเส้นผมวันละหลายครั้ง แต่แล้ววันเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีเส้นผมงอกขึ้นตามความหวังสักที จึงโทรศัพท์ไปหาคนที่เอายามาให้ แต่ก็โทรไม่ติดและเข้าไปดูข้อมูลในอินเตอร์เน็ตที่เคยดูก่อนสั่งซื้อยา ก็ปรากฎว่าข้อมูลถูกลบหมดแล้ว. ถึงตอนนี้เริ่มรู้ตัวแล้วว่าโดนหลอก และเข้าใจอย่างซาบซึ่งกับคำโฆษณาที่ว่า “ใช้ง่าย ได้ผลเร็ว” ผดผื่นเกิดขึ้นบนหนังศรีษะภายในสามวัน ช่างได้ผลเร็วจริงๆ จึงหยุดใช้ยาแล้วรีบไปพบแพทย์ คุณหมอให้ยาแก้ผดผื่นคันและยาแก้แพ้มารับประทาน อาการคันและตุ่มเม็ดสีแดงจึงค่อยๆหายเป็นปกติ.
จากประสบการณ์ที่ได้เล่ามาในข้างต้น จึงอยากฝาก อย.เตือนภัยนี้ไปยังประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่กำลังคิดจะสั่งซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ต เช่น ยา อาหาร เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ เป็นต้น. ได้โปรดระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการสั่งซื้อสินค้าจากคำโฆษณาชวนเชื่อ หรือสั่งซื้อยาจากคำบอกเล่าของคนอื่น เพราะโรคที่คนอื่นเป็นอาจจะไม่เหมือนกับโรคที่เราเป็น และที่สำคัญการใช้ยานั้นมีหลายเรื่องที่ต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะ เช่น ยาบางชนิดเมื่อรับประทานแล้วจะทำให้ง่วงนอน ไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ หรือยาบางชนิดอาจเป็นอันตรายต่อไตได้ เป็นต้น ดังนั้น เมื่อเรามีปัญหาด้านสุขภาพหรือเจ็บป่วยเป็นไข้ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและวินิจฉัยโรคพร้อมทั้งรับประทานยาตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่อยากให้ทุกคนโดนหลอกเหมือนอย่างผู้เขียนและท่านมหา เพราะจะทำให้เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ เสียเวลารักษา เสียสุขภาพจิตและอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมค่านิยมที่ผิดๆอีกด้วย.
อย่างไรก็ตาม การจัดประกวดเรียงความเรื่องเล่า “ฝาก อย.เตือนภัย” ในครั้งนี้ นับว่าเป็นกิจกรรมที่ดีและควรได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน เพราะนอกจากจะเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการเตือนภัยแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้กลุ่มมิจฉาชีพซึ่งผลิตสินค้าส่งเสริมสุขภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน ขยายความเสี่ยงไปสู่ผู้บริโภคอีกทางหนึ่งด้วย. หากพบเห็นการขายสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานหรืออวดอ้างสรรพคุณเกินความเป็นจริง ควรแจ้งเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและขจัดภัยร้ายของสังคมและเศรษฐกิจให้หมดไป ผู้บริโภคก็จะได้ซื้อผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพที่ได้มาตรฐาน ตามที่ อย.กำหนดอันจะส่งผลดีต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกับสังคม อย่างมีความสุขตลอดไป.