กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--jigsaw communications
น่าใจหาย! เมื่อพบว่า “โรคอ้วน” มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นในทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะในวัยกลางคน มีอัตราสูงถึงร้อยละ 40-60 ในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา การเจ็บป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนมีความชุกมากขึ้นไปด้วยกัน ทำไม! เราจึงต้องหันมาสนใจสุขภาพและรูปร่างกันมากขึ้น องค์การอนามัยโลกเปิดเผยข้อมูลว่า อัตราผู้เสียชีวิตจากทั่วโลกพบว่า 70% ของคนเหล่านี้ มีสาเหตุมาจากโรคหลักๆ คือ มะเร็ง หัวใจและหลอดเลือด รองลงมาคือ เบาหวาน ปัจจัยสำคัญคือ “ภาวะโภชนาการที่ไม่สมดุล” จึงต้องเร่งปรับเปลี่ยน “พฤติกรรมการบริโภคอาหาร” และ “พฤติกรรมการออกกำลังกาย” ให้ถูกต้อง...อย่างเร่งด่วน!
ผศ.ลักขณา ยอดกลกิจ รองคณบดี คณะพยาบาลศาสตร์เกื้อการุณย์ มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กล่าวว่า การบริโภคอาหารที่ถูกต้องนั้นจะต้องประกอบด้วยความสมดุลของทั้งชนิด ปริมาณ คุณภาพ และความพึงพอใจ จะเป็นการส่งเสริมให้มีสุขภาพที่ดีและมีชีวิตเป็นสุข เพราะการมีสุขภาพดีนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อตัวเอง ครอบครัว ตลอดจนคนที่รักและห่วงใย
การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม ขาดความพอดี จะทำให้เกิดปัญหาทางโภชนาการ อาทิ โรคเรื้อรังที่เกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน ทำให้กลายเป็นโรคอ้วน โรคความดันโลหิต ฯลฯ ดังนั้นจึงควรเลือกรับประทานอาหารสด อาหารธรรมชาติ และรับประทานอาหารหลากหลายชนิดในแต่ละวัน ควรหลีกเลี่ยงอาหารปรุงแต่ง เจือสีสังเคราะห์ สารฟอกสี ผงชูรส อาหารหมักดอง ใช้สารเคมี อาหารขบเคี้ยว คุณค่าน้อย อาหารที่มีรสจัดทุกประเภท
ขณะเดียวกันควรเลือกรับประทานอาหารที่มีโปรตีนจากพืชและสัตว์ รับประทานผักสดทุกมื้ออาหาร และผลไม้สดทุกวัน ไม่รับประทานอาหารอย่างเร่งรีบ ก่อนเลือกอาหารควรคำนึงถึงคุณค่าอาหารต่อสุขภาพควบคู่กับความถูกใจ
ผศ.ดร.บุญศรี กิตติโชติพาณิชย์ คณะพยาบาลศาสตร์เกื้อการุณย์ มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช เผยถึงเทคนิคการควบคุมพฤติกรรมการบริโภคอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักตัวให้คงที่แบบง่ายๆ ว่า โรคอ้วน และอีกหลายๆ โรคที่คนส่วนใหญ่ต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบันมักมีสาเหตุมาจากการใช้ชีวิตในเมืองหลวงที่ต้องเร่งรีบในการดำเนินชีวิต ทั้งรีบตื่นนอน รีบรับประทาน รีบเดินทาง รีบไปทำงาน จนกลายเป็นความเคยชิน และนำไปสู่ความเครียด ร่างกายอ่อนแอ โรคภัยรุมเร้า โรคที่เกิดขึ้นกับคนเมืองมักเกิดจากจากพฤติกรรม จึงต้องเร่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งการบริโภคอาหารและการออกกำลังกาย
ในส่วนของพฤติกรรมการบริโภคอาหารนั้น เคล็ดลับง่ายๆ คือต้องไม่นำของที่เขาชอบออกจากชีวิตประจำวัน ต้องให้เผชิญและค่อยๆ ปรับลดลงด้วยการต่อรอง แลกเปลี่ยน แนะให้เห็นว่าสิ่งไหนดีหรือเป็นอันตราย ต้องให้ทราบปริมาณที่ควรรับประทานประจำนั้นว่าเท่าไร จากนั้นเตรียมและจัดหรือตักอาหารเฉพาะที่ควรรับประทานเท่านั้น ควรรับประทานอาหารเป็นเวลา ไม่รับประทานจุบจิบระหว่างมื้อ เลือกภาชนะที่มีขนาดเล็กใส่อาหาร เคี้ยวช้าๆ ไม่ทำกิจกรรมอื่นขณะรับประทานอาหาร เมื่อเริ่มอิ่มให้หยุดและดื่มน้ำตามจนรู้สึกอิ่ม เก็บอาหารที่เหลือทันที ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง และมีพลังงานต่ำ ที่สำคัญควรติดตามชั่งน้ำหนักตัวอย่างสม่ำเสมอ
อีกวิธีหนึ่งคือการทำให้กระเพาะเล็กลง คือการรับประทานครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆ ในปริมาณที่เหมาะสม อย่าปล่อยให้หิว จิบน้ำเรื่อยๆ เพื่อลดการรับประทานจุบจิบ เพียงเท่านี้กระเพาะจะค่อยๆ เล็กลง หรือวิธีฝึกนิสัยการรับประทาน เลือกบริโภคอาหารที่เหมาะสมกับร่างกาย ตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าจะลดน้ำหนักส่วนเกินให้ได้ อาทิ ไม่เดินเข้าใกล้ร้านเบเกอรี่หรือหากจำเป็นก็ท่องในใจว่า “พรุ่งนี้เถอะนะๆ” ถ้าไม่ไหวจริงๆ ให้รับประทานเพียงครึ่งเดียวแล้วไปออกกำลังเผาผลาญให้หมด ฝึกให้เคยชินเป็นนิสัย รับรองว่าประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน
นอกจากนี้วิธีที่ได้ผลดีที่สุดอีกวิธีหนึ่งก็คือ “การออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานที่ได้รับจากอาหาร” เพราะไม่มีอาหารชนิดใดที่ทำให้น้ำหนักขึ้นหรือทำให้อ้วน ล้วนมาจากการ “กินมาก...แต่ใช้น้อย” วิธีออกกำลังกายที่ง่าย สะดวก และประหยัด สามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ อาทิ การเดิน การวิ่ง การเล่นโยคะ การเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งสามารถทำได้ทุกครั้งที่มีโอกาสแม้ขณะทำงาน จะทำเดี่ยวหรือสร้างเครือข่ายชวนเพื่อนๆ มาร่วมออกกำลังกายพร้อมกันเป็นกลุ่มก็ได้เพื่อช่วยเพิ่มสีสันกระตุ้นให้รู้สึกอยากออกกำลังกายมากขึ้น แต่ต้องทำอย่างถูกต้องและเหมาะสม
“ที่เกื้อการุณย์ได้มีการจุดประกายความคิดในการที่จะส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพดี ด้วยการออกกำลังกาย เริ่มต้นจากผู้บริหารซึ่งมักจะนั่งอยู่ที่โต๊ะ หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ให้ได้ลุกขึ้นผ่อนคลายความตึงเครียดบ้าง ด้วยการออกกำลังกายที่โต๊ะทำงานสลับกับเสียงเพลงตามสาย ผลปรากฏว่าทุกคนมีสุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพใจเบิกบาน เจ็บป่วยลดลง ลาป่วยน้อยลง น้ำหนักลดลง รูปร่างดีขึ้น บางคนนำไปขยายผลสู่ครอบครัวเพราะเห็นว่าเกิดผลประโยชน์จริงๆ ด้วยวิธีการง่ายๆ โดยไม่เสียเงิน ซึ่งหากทำได้เป็นประจำแล้ว สุขภาพก็จะดีขึ้นอย่างยั่งยืน”
ขณะที่ ผศ.สุมาลี โพธิ์ทอง คณะพยาบาลศาสตร์เกื้อการุณย์ มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กล่าวเพิ่มเติมว่า หากทุกคนสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้อยู่ในภาวะสมดุล ทั้งการปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหาร และพฤติกรรมการออกกำลังกาย เชื่อว่าจะสามารถช่วยเหลือประเทศชาติได้อีกทางหนึ่ง เพราะหากทุกคนล้วนมีสุขภาพที่ดี ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บแล้ว การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทั้งของภาครัฐและเอกชนก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย ไม่ต้องแออัดยัดเยียดเช่นในปัจจุบัน งบประมาณที่เป็นเงินจำนวนมหาศาลที่ต้องสูญเสียไปในส่วนนี้จะได้นำไปใช้พัฒนาชาติบ้านเมืองในส่วนอื่นๆแทน ขณะเดียวกันทุกคนก็จะมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี ส่งผลให้เกิดสิ่งดีดีตามมาอย่างประมาณค่ามิได้เลยทีเดียว
ทุกคนล้วนมีศักยภาพ มีวิธีในการดูแลตนเอง ทุกคนรักชีวิต รักสุขภาพ ต้องการเห็นตนเองมีสุขภาพดี เพียงแต่บางครั้งอาจต้องการเติมกำลังใจ ความมั่นใจบ้าง...จงคิดเสมอว่าเราเป็นคนที่ประสบผลสำเร็จมาหลายอย่าง เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเล็กที่สามารถทำได้ ทำไม! สมัยก่อนเคยตัวเล็ก แต่เดี๋ยวนี้ตัวใหญ่ขึ้น ก็ไม่เป็นไร ก็ทำให้ตัวเล็กลงได้เช่นกัน...ด้วยวิธีการง่ายๆ ที่ไม่ต้องเสียสตางค์ ถ้ารู้จักการบริโภคและเผาผลาญอย่างสมดุลและถูกต้อง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2253-2793 jigsaw communications