กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--สามารถคอร์ปอเรชั่น
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3 ปี 2550 กลุ่มบริษัทสามารถมีผลประกอบการรวมทั้งสิ้น 4,479 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวของปีก่อน 35 เปอร์เซ็นต์ โดยมีกำไรสุทธิ 265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63 เปอร์เซนต์ ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการโอนกลับสำรองหนี้สิน อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าจากไตรมาส 4 เป็นต้นไป สถานการณ์ต่างๆจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะการประมูลโครงการภาครัฐ อีกทั้งยังคาดการณ์รายได้เพิ่มสูงขึ้นจากหลายธุรกิจในเครือที่เข้าสู่ฤดูการขายในช่วงปลายปี
สายธุรกิจ Mobile Multi-media นำโดยบริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2550 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,163 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 41 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ เป็นผลจากราคาขายมือถือโดยเฉลี่ยต่อเครื่องลดลง รวมทั้งการชะลอตัวของยอดขายในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทฯ ต้องใช้เวลาในการคัดสรรและพัฒนาโทรศัพท์มือถือที่ตรงความต้องการของตลาดในแต่ละประเทศ จึงยังไม่ได้มีการเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ๆ ในต่างประเทศอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม แม้รายได้จะลดแต่เมื่อพิจารณากำไรขั้นต้นจะพบว่าเพิ่มสูงขึ้นเกือบเท่าตัวจากเดิม 9.37 เปอร์เซนต์เป็น 15 เปอร์เซนต์ ทั้งนี้ เป็นผลจากสัดส่วนการขายเครื่องไอ-โมบายที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศ รวมแล้วคิดเป็น 80 เปอร์เซนต์ของยอดขายเครื่องทั้งหมด สรุปมียอดขายมือถือในไตรมาส 3 รวมกว่า 6.8 แสนเครื่อง เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมียอดขาย 5.3 แสนเครื่อง ในส่วนของธุรกิจบริการข้อมูล Content ก็ยังคงส่อแววสดใสด้วยรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับปีก่อนเพิ่มขึ้นถึง 48 เปอร์เซนต์ คิดเป็นรายได้ 179 ล้านบาท
“ส่วนประเด็นเกี่ยวกับไทยโมบาย ซึ่งมีหนี้สินค้างชำระบริษัทไอ-โมบายอยู่กว่า 1,000 ล้านบาทนั้น บริษัทฯ ได้หยุดให้บริการแล้วตั้งแต่ไตรมาส 3 และไม่ได้บันทึกรายได้จากโครงการดังกล่าว หากแต่ยังคงบันทึกต้นทุนค่าใช้จ่ายในไตรมาส 3 อันเกิดจากค่าเสื่อมราคา ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ตลอดจนความเสียหายที่เกิดขึ้นรวมมูลค่าประมาณ 53 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม โครงการนี้เป็นเพียงธุรกิจย่อย ส่วนธุรกิจหลักของสาย Mobile Multi-media ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและธุรกิจให้บริการ Content ยังคงดำเนินงานไปได้ด้วยดีและไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากกรณีดังกล่าว”
ส่วนผลประกอบการของสายธุรกิจ ICT Solutions นำโดย บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) ในไตรมาส 3 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 667 ล้านบาท ลดลง 24 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ได้เริ่มมีการรับรู้รายได้จากโครงการติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า (AMR) ให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแล้วตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป
อีกทั้งยังมีข่าวดีจากการชนะงานประมูลโครงการอื่นๆ มูลค่ารวม 200 ล้านบาท และมีโครงการที่รอการประมูลอยู่ในไตรมาส 4 มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ทั้งหมดนี้บ่งชี้ถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของงานประมูลภาครัฐ ซึ่งน่าจะยิ่งเห็นความชัดเจนมากขึ้นหลังการเลือกตั้งแล้วเสร็จ
ด้านธุรกิจอื่นๆ ในกลุ่มสามารถที่โดดเด่นในไตรมาส 3 ประกอบด้วย ธุรกิจศูนย์บริการควบคุมการจราจรทางอากาศในประเทศกัมพูชา ของบริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิก เซอร์วิสเซส จำกัด ที่มีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นถึง 18 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาส 3 คิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 12,000 เที่ยวบิน และในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นฤดูการท่องเที่ยวคาดว่าจะมีรายได้จะเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์
บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจด้าน Customer Contact Management Solutions ล่าสุดคว้ารางวัล Bronze Award จากการประกวด Annual Contact Center World Award ที่ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเป็นผู้ร่วมประกวดจากเอเชียรายเดียวที่ได้รับรางวัลประเภทคอลล์เซนเตอร์ขนาดกลางจากการประกวดระดับโลกครั้งนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากธุรกิจ Contact Center มีการเติบโตค่อนข้างโดดเด่นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่จะโตต่อเนื่องในอนาคต คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติให้ผู้บริหารไปศึกษาและดำเนินการนำ บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาด MAI ในปี 2551
นอกจากนี้ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่โรงงานกัมปอตซิเมนต์ ที่ประเทศกัมพูชา ในนาม บริษัท กัมปอต พาวเวอร์ แพลนท์ จำกัด ซึ่งมีอายุสัญญา 10 ปี นับจากปี 2550 ก็เริ่มรับรู้รายได้แล้วตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้เป็นต้นไป โดยจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 240 ล้านบาท
นายวัฒน์ชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า “สำหรับการดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายของปี 50 เมื่อวิเคราะห์สถานการณ์โดยรวม มั่นใจว่าผลการดำเนินธุรกิจจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากการเปิดตัวมือถือไอ-โมบายและมือถือแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ อีกจำนวนมาก ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งโอกาสที่จะเข้าร่วมงานประมูลภาครัฐที่เพิ่มมากขึ้น และการขยายตัวของธุรกิจในเครืออื่นๆ ดังที่กล่าวข้างต้น”
“กลุ่มบริษัทสามารถ” มุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการด้านเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่างครบวงจร ภายใต้บริษัทในเครือกว่า 20 บริษัท และมี 3 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) โดยแบ่งออกเป็น 3 สายธุรกิจ คือ สายธุรกิจสื่อสารไอทีและโทรคมนาคมครบวงจรครบวงจร (ICT Solutions) สายธุรกิจการสื่อสารข้อมูลและอุปกรณ์สื่อสารไอที (Mobile-Media Solutions) และสายธุรกิจอื่นๆ (Related Business)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม PR.Corp.
วทิรา ลุยากร (ใหม่)
โทร.0- 2502-8236
วรรษกร ปลื้มจิตต์ (ตุ๊ก)
โทร. 0-2502-8687