ยูนิค ไมนิ่งฯ ได้ฤกษ์จุดพลุเทรดวอร์แรนท์ 13 พ.ย. นี้ พร้อมโชว์กำไรไตรมาส 3 พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทะลุ 100 ล้านบาท

ข่าวทั่วไป Monday November 12, 2007 11:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส
นายชัยวัฒน์ เครือชะเอม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) หรือ UMS เปิดเผยว่า “UMS” จะเข้าเทรดวอร์แรนท์ในตลาดหลักทรัพย์ วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายนนี้ ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2550 บริษัทมีรายได้ไตรมาส 3 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีรายได้จำนวน 624.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146.94 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2549 ที่มีรายได้ 477.28 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30.79% และมีกำไรสุทธิ 101.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.76 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2549 ที่มีกำไรสุทธิ 62.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 61.63%
“รายได้และกำไรสุทธิที่ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสนี้ เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นในการขยายตัวของตลาดถ่านหินที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องและการปรับราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 5-10 โดยบริษัทมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาสั่งซื้อสินค้ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ 300 รายแล้ว
ส่วนในไตรมาส 4 คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 3 และมีแนวโน้มที่จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี 2550 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตร้อยละ 30 แต่ว่าผลการดำเนินงานจริงคาดว่าจะเติบโตสูงร้อยละ 60-70 ซึ่งดีกว่าที่คาดไว้เมื่อต้นปีค่อนข้างมาก
ส่วนแนวโน้มปี 2551 ประเมินเบื้องต้นว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำร้อยละ 30 จากรายได้รวมปี 2550 หรือไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท เนื่องจากการใช้ถ่านหินขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบด้านราคาน้ำมันเตาที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าหลายรายหันมาใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทที่จะลงทุนใหม่จะตัดสินใจเลือกใช้หม้อไอน้ำถ่านหินเนื่องจากมีต้นทุนที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการถ่านอัดก้อน (Briquette) ที่ได้เริ่มขายสินค้าแล้วในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา และโครงการแปลงถ่านหินเป็นก๊าซ ซึ่งคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1 ปี 2551 ซึ่งจะมาช่วยเสริมการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง 2551 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ราคาถ่านหินและค่าระวางเรือได้ปรับเพิ่มขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ดังนั้น บริษัทคาดว่าจะต้องปรับราคาถ่านหินในปี 2551 เพื่อสะท้อนต้นทุนถ่านหินและค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก” นายชัยวัฒน์ กล่าว
อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3 ปี 2550 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับร้อยละ 33.47 จาก ในช่วงครึ่งปีแรกที่อยู่ในระดับประมาณร้อยละ 26 เนื่องจากสาเหตุหลักคือ การลดต้นทุนด้านการขนส่ง บริษัทควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้น รวมถึงการปรับราคาขายเพื่อสะท้อนต้นทุนค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี และคาดว่าทั้งปี 2550 บริษัทจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ร้อยละ 30 ได้ เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา โดยในปี 2551 บริษัทยังคงตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นที่ร้อยละ 25-30 เช่นเดิม
อย่างไรก็ดี อัตรากำไรขั้นต้นมีโอกาสปรับเพิ่มสูงกว่าเป้าหมายได้ เนื่องจากบริษัทมีโครงการเสริมที่จะช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นได้อีกในปี 2551 เช่น โครงการท่าเทียบเรือและคลังสินค้าที่ตำบลสวนส้ม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร โครงการคลังสินค้าที่จังหวัดอยุธยา และโครงการของบริษัท ยูเอ็มเอส ไลท์เตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ในการดำเนินการบริหารเดินเรือโป๊ะ เพื่อลดการจ้างเรือโป๊ะจากบริษัทภายนอกลง
จากปัจจัยทั้งด้านรายได้ที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นทั้งจากการขยายฐานลูกค้าและการปรับราคาถ่านหินเพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง ส่งผลให้ปี 2551 น่าจะเป็นปีที่ดีต่อเนื่องอีกปีหนึ่งของ UMS
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และกิจกรรมพิเศษ
คุณนิพนธ์ สาวสุดชาติ / คุณชนาภา ภู่ผึ้ง
โทรศัพท์ 02-664-1701 ต่อ 181, 182
Email : Niphon@uniquecoal.com
Chanapa@uniquecoal.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ