กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--เอแบคโพล
เอแบคโพลเผยภาพรวมคุณธรรมคนไทยผ่านฉลุย 68.5 คะแนน ความรับผิดชอบสูงขึ้น ส่วนความรักชาติภูมิใจที่เกิดบนผืนแผ่นดินไทยพุ่งเกือบ 100 คะแนนเต็ม ขณะที่ความซื่อสัตย์สุจริตดิ่งเหวร้อยละ 53.2 ยอมรับได้หากรัฐบาลชุดใดโกงกินแล้วทำให้ตนเองอยู่ดีมีสุข ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี มีคุณธรรมต่ำสุดเพียง 67.2 คะแนน
น.ส.นราทิพย์ พุ่มทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) เปิดเผยว่า จากการที่ศูนย์คุณธรรมต้องการสำรวจสถานภาพคุณธรรมของประชาชนในสังคมไทย เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำคัญประกอบการตัดสินใจ และวางแผนพัฒนาประเทศไปสู่สังคมไทยที่มีคุณธรรมเข้มแข็ง จึงได้มอบหมายให้ศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือ เอแบคโพล ดำเนินโครงการสำรวจวิจัยเรื่อง “สถานภาพคุณธรรมของประชาชนในสังคมไทย : กรณีศึกษาประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล” ตลอดปี 2550 ซึ่งผลสำรวจในครั้งนี้เป็นการสำรวจ ครั้งที่ 3 แล้ว สำรวจระหว่างวันที่ 20-26 กันยายน 2550 ผ่านกลุ่มตัวอย่าง 2,687 ตัวอย่าง ผลปรากฎ ดังนี้
ประชาชนที่ถูกศึกษามีคุณธรรม 6 ด้าน ได้แก่ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์สุจริต สติสัมปชัญญะ จิตอาสา และความขยันหมั่นเพียร จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ได้ 68.5 คะแนน โดยความรับผิดชอบเป็นคุณธรรมที่ตัวอย่างมีคะแนนสูงกว่าคุณธรรมด้านอื่น ๆ เท่ากับ 71.7 คะแนน และสติสัมปชัญญะเป็นคุณธรรม ที่ตัวอย่างมีคะแนนต่ำที่สุดเพียง 64.2 คะแนน
เมื่อศึกษาลงลึกเข้าไปถึง คุณธรรมความรักชาติ พบกลุ่มตัวอย่างมีค่าคะแนนคุณธรรม 7 ด้าน ได้แก่ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์สุจริต สติสัมปชัญญะ จิตอาสา ความขยันหมั่นเพียร และความรักชาติ โดยรวมเท่ากับ 71.0 คะแนน โดยความรักชาติเป็นคุณธรรมที่ตัวอย่างมีคะแนนสูงกว่าคุณธรรมด้านอื่น ๆ ซึ่งเท่ากับ 77.5 คะแนน และสติสัมปชัญญะเป็นคุณธรรมที่ตัวอย่างมีคะแนนต่ำกว่าคุณธรรมด้านอื่น ๆ ซึ่งเท่ากับ 64.2 คะแนน
กลุ่มตัวอย่างที่ถูกศึกษาคุณธรรมด้านความมีวินัยกว่าร้อยละ 85.5 มีความเอนเอียงที่จะไม่ยอมให้ข้อห้าม ข้อบังคับเล็กๆน้อยๆ ของสังคม มาเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต ในขณะที่ตัวอย่างเกือบร้อยละ 72.1 มีความ เอนเอียงที่จะบอกว่าตนเองเป็นคนที่ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ และเมื่อพิจารณาคุณธรรมด้านความรับผิดชอบ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 65.3 มีความ เอนเอียงที่จะร่วมหาผู้รับผิดชอบให้ได้หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นโดยยกเว้นตัวเอง และกว่าร้อยละ 84 มีความเอนเอียงที่จะแก้ไขสิ่งที่ผิดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
สำหรับคุณธรรมด้านความซื่อสัตย์สุจริต พบว่า ตัวอย่างกว่าครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 53.2 มีความเอนเอียงที่จะยอมรับได้หากรัฐบาลชุดใดโกงกินแล้วทำให้ตนเองอยู่ดีมีสุข และตัวอย่างร้อยละ 50.7 มีความเอนเอียง ที่อาจจะไม่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพของตนเองบ้างหากมีความจำเป็น ในขณะที่คุณธรรมด้านสติสัมปชัญญะ ผลสำรวจพบว่า ตัวอย่างกว่าร้อยละ 82.6 มีความเอนเอียงที่จะไม่คิดไตร่ตรองอะไรให้ละเอียดถี่ถ้วนเพราะอาจจะทำให้เสียโอกาสดีๆไป และตัวอย่างร้อยละ 76.5 มีความเอนเอียงที่จะทำสิ่งต่างๆ ตามกระแสสังคมในทุกเรื่อง
เมื่อพิจารณาคุณธรรมด้านจิตอาสา พบว่า ตัวอย่างกว่าร้อยละ 85.5 มีความเอนเอียงที่อยากให้ คนอื่นรับรู้ว่าตนเองได้ทำประโยชน์เพื่อสังคม ในขณะที่กว่าร้อยละ 90 เต็มใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน ส่วนคุณธรรมด้านความขยันหมั่นเพียร พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 94.6 คิดว่าปัญหาอุปสรรคเป็นเรื่องท้าทายที่ต้องฟันฝ่าไปให้ได้ ในขณะที่ตัวอย่างร้อยละ 70 เป็นคนประเภทที่ทำงานตามอารมณ์
สำหรับด้านความรักชาติ พบว่า ตัวอย่างเกือบร้อยละ 98.7 มีความภูมิใจในเกียรติและศักดิ์ศรีที่ได้เกิดบนผืนแผ่นดินไทย และร้อยละ 98.5 เห็นว่าประเทศไทยไม่จำเป็นต้องเป็นประเทศที่ร่ำรวยมากหากอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติสุข
นอกจากนี้จากผลสำรวจยังพบว่า ตัวอย่างเพศหญิงมีคุณธรรมสูงกว่าเพศชาย คิดเป็นค่าคะแนน 71.8 และ 70.0 คะแนน ตามลำดับ โดยตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 40-49 ปี มีคุณธรรมสูงกว่าช่วงอายุอื่น ๆ โดยมีค่าคะแนนเท่ากับ 73.0 คะแนน ในขณะที่ตัวอย่างที่เป็นเยาวชนหรือมีอายุต่ำกว่า 20 ปี เป็นกลุ่มที่มีคุณธรรมต่ำกว่าช่วงอายุอื่น ๆ โดยมีค่าคะแนนเท่ากับ 67.2 คะแนน
“เมื่อพิจารณาการศึกษาของตัวอย่างเป็นที่น่าสังเกตว่า ตัวอย่างที่สำเร็จการศึกษาสูงสุด ในชั้นประถมศึกษา กลับมีคะแนนคุณธรรมโดยรวมสูงกว่าตัวอย่างที่สำเร็จการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี คิดเป็นค่าคะแนน 71.5 และ 68.8 คะแนน ตามลำดับ โดยทางศูนย์คุณธรรม จะนำผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อคุณธรรมด้านต่างๆ ของสังคมไทยครั้งนี้ไปศึกษาสถานภาพคุณธรรมของสังคมไทยในปัจจุบัน และประกอบเป็นข้อมูลใช้ในการสร้างกลไกกระตุ้นประชาชนขับเคลื่อนสาธารณชน ให้ติดตามเฝ้าระวังพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของประชาชน และรักษาไว้ซึ่งคุณธรรมในสังคมไทยต่อไป ” ผอ.ศูนย์คุณธรรม กล่าว