กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--วงศ์บราเดอร์ อินเตอร์เทรด
วงศ์บราเดอร์ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงภายใต้แบรนด์ “MAXXMA” สบโอกาสตลาดรถยนต์ฟื้นตัว ส่งฟิล์มกรองแสง Maxxma Max ลงสนาม เจาะกลุ่มคนเมืองและคอไอที พร้อมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวแทนจำหน่าย เตรียมตะลุยเมืองโสม เยี่ยมชมโรงงานที่เกาหลี คาดสิ้นปียอดโต 20%
นายชัยรัตน์ ชูประภาวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงศ์บราเดอร์ อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงภายใต้แบรนด์ “MAXXMA” (แม็กซ์ม่า) จากประเทศเกาหลี เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดฟิล์มกรองแสงในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานั้น มีการชะลอตัวลงอันเนื่องมาจากเหตุการณ์สึนามิและแผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่นส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์อย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ซึ่งบริษัทก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน แต่ไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากบริษัทหันไปให้ความสำคัญกับการทำตลาดสติ๊กเกอร์ ป้องกันสีรถ Maxxma Carbon Guard มากยิ่งขึ้น
สำหรับ Maxxma Carbon Guard นั้นเป็นสินค้าที่ค่อนข้างใหม่ ซึ่งหลังจากที่ได้เริ่มทดลองตลาดปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยเน้นเจาะเข้าไปที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการตกแต่งรถ และป้องกันสีรถ ซึ่งที่ผ่านมายอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามในครึ่งปีหลังนี้บริษัทมั่นใจว่า สถานการณ์ในตลาดรถยนต์ฟื้นตัวขึ้นอย่างแน่นอน เห็นได้จากค่ายรถยนต์หลายๆค่ายเริ่มกลับมามีกำลังการผลิตเหมือนเดิม ทำให้บริษัทเล็งเห็นโอกาสและเร่งนำสินค้าใหม่ๆเข้ามาทำตลาดเพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
โดยบริษัทได้เปิดตัวฟิล์มกรองแสง Maxxma Max อย่างเป็นทางการ ฟิล์มกรองแสง Maxxma Max เป็นฟิล์มกรองแสงที่ผลิตจากโพลีเอสเตอร์คุณภาพสูง เคลือบด้วยผงเซรามิคโมเลกุลเล็ก ผสมสารป้องกันรังสี ยูวี และอินฟาเรด ปิดทับด้วยสารกันรอยที่มีความแข็งแรงสูง ช่วยให้เนื้อฟิล์มใสไม่ขุ่นมัว เนื้อฟิล์มมีความเคลียร์สูงแสงสะท้อนต่ำ ให้ภาพคมชัด สบายตาทั้งเวลากลางวันและกลางคืน สีฟิล์มคงทนไม่ซีดจาง ไม่เป็นรอยขูดขีดและรักษาง่าย ป้องกันรังสีอันตรายและลดความร้อนได้สูง และยังป้องกันรังสี ยูวี ได้มากกว่า 99% ทั้งยังช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ภายในรถยนต์ด้วย
จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างของฟิล์มกรองแสง Maxxma Max ก็คือไม่รบกวนระบบการทำงานของต่างๆภายในรถยนต์ ระบบการนำทางด้วยดาวเทียมหรือ GPS และ ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ Easy Pass โดยบริษัทได้ทำการทดสอบร่วมกันกับ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) BECLและผู้ให้บริการทางด้านสัญญาณ ดาวเทียม หรือ GPS อาทิเช่น Garmin Powermap Speed Navi Zytrus Kamaz Leona Pierre Cardin Ona Navman Navitime Papago Way Way Biueberri Sinovdo D way
สำหรับแผนด้านการตลาดนั้น จะเน้นการทำตลาดเชิงรุก ซึ่งในช่วงนี้จะเร่งขยายตลาด Maxxma Max ด้วยการสื่อสารตรงและสร้างการรับรู้ จัดการส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ จะเน้นการออกบูธแนะนำสินค้า ซึ่งจะเจาะกลุ่มไปที่งานเกี่ยวกับวงการรถยนต์ งานแสดงสินค้าเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ รวมถึงงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปที่เมืองทองธานีในปลายปีนี้ด้วย
ขณะเดียวกัน จะทำตลาดร่วมกับตัวแทนจำหน่าย โดยให้ตัวแทนจำหน่ายแนะนำ Maxxma Max ควบคู่ไปกับฟิล์มกรองแสง MAXXMA รุ่นอื่นๆ ที่สำคัญบริษัทมีฐานลูกค้าเก่าที่ติดฟิล์มกรองแสง MAXXMA มากกว่า 10,000 ราย ที่จะสามารถส่งข้อมูลข่าวสารให้กับกลุ่มลูกค้าเก่า และขยายฐานลูกค้าใหม่ได้ โดยตั้งงบการตลาดรวมโฆษณาประชาสัมพันธ์ไว้กว่า 10% ของยอดขาย
นอกจากนี้จะเน้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวแทนจำหน่ายที่มีจำนวนกว่า 200 รายทั่วประเทศ ดูแลและสนับสนุนตัวแทนจำหน่ายอย่างใกล้ชิด ประดุจคนในครอบครัวเดียวกัน พร้อมทั้งจัดโปรโมชั่น มอบรางวัลแก่ตัวแทนจำหน่ายโดยพาทัวร์เมืองโสม ดินแดนเกาหลี ซึ่งเป็นการตอบแทนตัวแทนจำหน่ายในช่วงต้นปีหน้า 2555
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของฟิล์มกรองแสง Maxxma Max นั้นจะเจาะไปทั้งกลุ่มรถใหม่และรถเก่า กลุ่มที่มีปัญหาเรื่องสัญญาณ Easy Pass และสัญญาณ GPS โดยเราจะเน้นกลุ่มเป้าหมายไปที่กลุ่มคนใช้ชีวิตในเมือง และกลุ่มคนที่ใช้เทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งฟิล์มกรองแสง Maxxma Max ไม่รบกวนสัญญาณเหล่านี้แน่นอน
นายชัยรัตน์ กล่าวถึงสภาพการแข่งขันของตลาดในครึ่งปีหลังน่าจะรุนแรงขึ้น อันเนื่องมาจากสัญญาณการฟื้นตัวของค่ายรถต่างๆ แต่ทางบริษัทไม่หยุดยั้งที่นำสินค้าและนวัตกรรมใหม่ๆมารองรับความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งยกระดับและมาตรฐานการให้บริการและการติดตั้งฟิล์มกรองแสงที่ตัวแทนจำหน่ายทุกแห่ง ที่มีมากกว่า 200 แห่ง ทั่วประเทศ และมีแผนที่จะแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย10-15% เพื่อให้บริการครอบคลุมทุกพื้นที่
สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีแรกที่ผ่าน บริษัทยังคงรักษายอดขายอยู่ในระดับค่อนข้างดี ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่บ้าง แต่มั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังที่นำสินค้า Maxxma Max เข้ามาจะส่งผลให้ยอดขายเติบโตขึ้นอีก 10-15% และสิ้นในปีนี้คาดสิ้นปียอดรวมโตขึ้นอีก 20% แน่นอน
นายชัยรัตน์ ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า “ เป้าหมายของบริษัทไม่ได้อยู่ที่ส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่สิ่งที่ต้องการอีกอย่างคือ การทำให้แบรนด์เป็นที่ยอมรับและมีคุณภาพ สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ซึ่งการที่ไปให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการนั้น บริษัทต้องอาศัยปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า คู่ค้า ตัวแทนจำหน่าย รวมไปถึงสินค้าที่มีคุณภาพ เราจึงมุ่งเน้นใส่ใจคุณภาพทุกสินค้าและบริการ ซึ่งก็คงไปถึงเป้าหมายนั้นได้ไม่ยากนัก”