ประกันสังคมคุ้มครองผู้ติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์

ข่าวทั่วไป Monday November 12, 2007 15:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--สปส.
บทความ - มหันตภัยร้ายที่น่ากลัวไม่แพ้กับน้ำท่วม ไฟไหม้นั้นคือ โรคเอดส์และเชื้อเอชไอวี เพราะเป็นโรคที่ยังไม่มียาหรือวัคซีนตัวใดจะมารักษาให้หายขาดได้ วิธีการป้องกันที่ดีที่สุด ทำได้เพียงต้องปลุกจิตสำนึกของทุกคนในสังคมให้ตระหนักถึงพิษภัยของโรคนี้ พร้อมทั้งหันมาใส่ใจป้องกันตนเอง การติดต่อของโรคเอดส์และเชื้อเอชไอวีสามารถติดต่อได้หลายทาง เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การติดต่อจากแม่ที่ติดเชื้อเอชไอวีไปสู่ลูก แต่หากแม่ได้รับการรักษาโอกาสที่เด็กจะติดเชื้อก็ลดลงโดยเฉพาะหากผ่าตัดทางหน้าท้อง
เชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์มีความแตกต่างกันอย่างไร?
เชื้อเอชไอวีคือ เชื้อไวรัสที่เข้าสู่ร่างกาย แล้วร่างกายสร้างภูมิต้านทานต่อต้านเชื้อไวรัส แต่ไม่สามารถจะกำจัดได้หมด เชื้อยังจะคงอยู่ในเม็ดเลือดและทำลายเม็ดเลือดขาวจนทำให้ภูมิต้านทานลดลง ส่วนโรคเอดส์เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ซึ่งเชื้อไวรัสชนิดนี้จะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำกว่าปกติ และอาจเกิดการติดเชื้อโรคฉวยโอกาสต่างได้ เช่น วัณโรค ปอดบวม เป็นต้น
ขณะเดียวกันทุกคนในสังคมต้องมีความเข้าใจก่อนว่า โรคเอดส์และเชื้อเอชไอวีไม่ได้ติดต่อกัน โดยการจับมือหรือการสัมผัสภายนอก การดื่มน้ำแก้วเดียวกัน การใช้ถ้วยชามร่วมกัน สัมผัสกับเหงื่อหรือน้ำตาของผู้ติดเชื้อ การว่ายน้ำในสระเดียวกัน การใช้โถส้วมเดียวกัน ถูกแมลงหรือยุงกัด การจูบกัน สิ่งที่ควรทำคือ การให้ความรัก ความห่วงใยกับผู้ที่ติดเชื้อทุกคน เพื่อให้พวกเขามีกำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้ายต่อไป
นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2550 มีผู้ประกันตนที่ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ประกันตนที่เป็นโรคเอดส์ที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานประกันสังคมจำนวน 36,354 ราย สปส.ได้จัดซื้อยาต้านไวรัสเอดส์ไปแล้วเป็นเงินประมาณ 300 ล้านบาท ทั้งนี้ การให้ความคุ้มครองผู้ประกันตนที่ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ประกันตนที่เป็นโรคเอดส์นั้น ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากการได้รับการรักษาและการรับยาต้านไวรัสเอดส์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ผู้ประกันตนที่ติดเชื้อสามารถใช้ชีวิตได้ยาวนานขึ้น และผู้ประกันตนที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ
ปัจจุบัน สปส.ได้มีการปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฯ เรื่องหลักเกณฑ์และอัตราสำหรับประโยชน์ทดแทนกรณีผู้ประกันตนที่ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ประกันตนที่เป็นโรคเอดส์ ฉบับใหม่ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2549 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 โดยกำหนดให้ ผู้ประกันตนที่ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ประกันตนที่เป็นโรคเอดส์ สามารถรับยาต้านไวรัสเอดส์ทั้งสูตรพื้นฐาน สูตรทางเลือก และสูตรดื้อยา โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และในส่วนของการตรวจ CD4, Viral load, Drug resistance testing สำนักงานประกันสังคมได้จ่ายค่าตรวจดังกล่าวให้แก่สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ส่วนกรณีที่ผู้ประกันตนจำเป็นต้องได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
นายสุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า สปส. ได้ดูแลผู้ประกันตนที่ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ประกันตนที่เป็นโรคเอดส์ให้ได้รับยาต้านไวรัสเอดส์อย่างทั่วถึงและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และสปส.อยากจะฝากถึงผู้ประกันตนที่ไม่ได้ติดเชื้อเอชไอวี และกลุ่มวัยรุ่นควรที่จะป้องกันและดูแลตนเอง อาทิ ใช้ถุงยางอนามัยก่อนการมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ควรมีการตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี ก่อนแต่งงาน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สปส. ถือว่าการดูแลรักษาผู้ประกันตนที่ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ประกันตนที่เป็นโรคเอดส์เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจะได้มีโครงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคดังกล่าวต่อไป หากผู้ประกันตนมี ข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัด หรือกองประสานการแพทย์และฟื้นฟูสมรรถภาพ สำนักงานประกันสังคม โทร.0-2956-2504-6 หรือสายด่วน 1506 ได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ
ศูนย์สารนิเทศ สายด่วน 1506 www.sso.go.th
ผลิตโดย น.ส.ฤชุวรรณ มูสิกนันท์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ