กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--เวก้า อินเตอร์เทรด แอนด์ เอ็กซิบิชั่น
นายอัครวุฒิ ตั้งศิริกุศลวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเวก้า อินเตอร์เทรด แอนด์ เอ็กซิบิชั่น กล่าวว่า “ยุทธศาสตร์การผลักดันการค้าการส่งออกของไทยไปตะวันออกกลางผ่านประเทศเลบานอนซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแหล่งใหม่ของตะวันออกกลาง และเป็นประเทศท่องเที่ยวที่สำคัญของอาหรับ ถือเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่สามารถพลิกเกมการค้าเชิงบวกให้สินค้าไทยในเวทีโลกได้และเป็นทางลัดในการเปิดการค้ากับประเทศเลบานอนและนักธุรกิจอาหรับทั่วภูมิภาค ผมจึงได้รวบรวมผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภคของไทย เข้าร่วมงานแสดงสินค้า โกลบอลวิลเลจ เลบานอน2011 ซึ่งได้จัดขึ้นแล้วตั้งแต่วันที่25มิถุนายนถึงวันที่ 10 สิงหาคมนี้ รวม47วัน ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจผู้นำเข้า สั่งออเดอร์สินค้าไทยถือเป็นการต่อยอดการส่งออกตะวันออกกลาง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการจัดงานแสดงสินค้าในลักษณะหมู่บ้านนานาชาติของประเทศเลบานอน ผมได้จัดสร้างหมู่บ้านไทย แสดงสินค้าไทยและศิลปวัฒนธรรมไทยอวดสายตานักธุรกิจและนักท่องเที่ยวชาวเลบานอนเป็นครั้งแรก ได้ผลทั้งด้านการค้าการส่งออก และการท่องเที่ยวของไทยครับ”
นายอัครวุฒิ กล่าวเสริมว่า ดินแดนตะวันออกกลาง ชื่นชอบงานแสดงสินค้าในลักษณะหมู่บ้านนานาชาติ (Global Village) เพราะเสน่ห์แห่งการโชว์ประชันเอกลักษณ์ของ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีและสันทนาการจากนานาชาติ บริษัทเวก้าฯมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักจากการสร้างหมู่บ้านไทยในงานGlobal Village Dubai ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ ติดอันดับ1ใน5 หมู่บ้านนานาชาติยอดฮิต สำหรับการจัดหมู่บ้านไทยในงานโกลบอล วิลเลจ เลบานอน2011นี้ ถือเป็นครั้งแรก ซึ่งเลบานอนเป็นหนึ่งใน 15 ดินแดนที่ประกอบเป็น "แหล่งกำเนิดแห่งมนุษยชาติ" (Cradle of Humanity) ที่ได้พัฒนาประเทศให้สามารถรักษาความเป็นศูนย์กลางด้านการค้า การเงิน ศิลปะและวัฒนธรรมของภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้อย่างเลื่องชื่อ หมู่บ้านไทยประกอบด้วยผู้ประกอบการของไทยซึ่งมาจากกลุ่มผู้ผลิต ผู้ส่งออก กลุ่มSMEsและOTOP เจ้าของธุรกิจบริการของไทยเช่นนวดแผนไทย สปา ฯลฯ เจ้าของสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป อาทิ อาหารสำเร็จรูป เสื้อผ้าสำเร็จรูป ของที่ระลึก ของใช้และของตกแต่งบ้าน อัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าหัตถกรรม ฯลฯ โดยนายอัครวุฒิ ได้จัดให้มีการแสดงนาฏศิลป์ การละเล่นพื้นเมือง วิถีชีวิต และแหล่งท่องเที่ยวของไทยเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวเลบานอนให้เดินทางมาเมืองไทยมากขึ้นอีกด้วย เพราะจากสถิติพบว่าในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเลบานอนมาไทยประมาณ 7,000-10,000 คน
“ประเทศเลบานอนเลบานอนมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค มีระบบธนาคารที่มีประสิทธิภาพ มีศักยภาพในธุรกิจสาขาการท่องเที่ยวและการโรงแรม รวมทั้งเป็นศูนย์กลางส่งออกต่อ (re-export) ไปยังประเทศข้างเคียงและยุโรป นอกจากนี้ นักธุรกิจเลบานอนมีเครือข่ายความสัมพันธ์ทั่วตะวันออกกลางและแอฟริกา จึงมีศักยภาพที่จะเป็นสถานที่สำหรับการ re-export ที่สำคัญ ภาคอุตสาหกรรมของเลบานอนมีสัดส่วนเพียงประมาณร้อยละ 20 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ เพราะอุปสงค์ภายในประเทศมีน้อย แต่ต้องการสินค้านำเข้ามากกว่า ทว่ามูลค่าการค้าระหว่างไทยกับเลบานอนยังอยู่ในระดับปานกลางคือมีมูลค่าการส่งออกราวๆ150ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกของไทยที่สำคัญ ได้แก่ น้ำตาลทราย อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋อง ผ้าผืน ข้าว ตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ หม้อแบตเตอรี่และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผักผลไม้กระป๋อง และแปรรูป ผมหวังว่าประเทศเลบานอนจะเป็นช่องทางใหม่ทางการค้าการส่งออกของไทย ที่จะต้องสนับสนุนผลักดันอยู่เรื่อยๆ ปีนี้เป็นปีแรกที่เราเปิดตัวงานแสดงสินค้าโกลบอลวิลเลจ เลบานอน เพื่อต่อยอดการค้าให้เห็นผลอย่างต่อเนื่อง ผมจะรวมผู้ประกอบการเข้าร่วมงานนี้เป็นประจำตลอด ซึ่งงานสุดฮอตนี้จะจัดช่วงปลายเดือนมิถุนายน ถึงสิงหาคม ของทุกปีครับ” นายอัครวุฒิ กล่าวสรุปในที่สุด
สื่อมวลชนสอบถามเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ:
Email:tai.wongsuntorn@yahoo.com ,taiwong59@gmail.com